“พรีมาฯ” ส่งนวัตกรรมหน้ากากอนามัยนาโน สู้พีเอ็ม 2.5 และการระบาดโควิดระลอกใหม่!

Inno Market

              หากพูดถึงพรีมาฯ หลายคนคงจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี กับนวัตกรรมเอาใจวัยเก๋าอย่าง “หมวกเลเซอร์ปลูกผม prime” ที่ช่วยให้เส้นผมดกดำ จนทำให้เกิดกระแสไวรัลฮอตฮิตติดตลาดจนถึงทุกวันนี้

              มาวันนี้…พรีมาฯ มีโปรดักท์นวัตกรรมใหม่ ที่สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยในยุคที่เราต้องเผชิญทั้งเรื่องของพีเอ็ม 2.5 และโควิดระลอกใหม่ Innolifethailand จึงพามารู้จักกับนวัตกรรมที่ว่า นั่นก็คือ “หน้ากากอนามัยชนิดใช้ซ้ำได้” (Reusable and Cleanable Face Mask) และ “นวัตกรรมหน้ากากป้องกันเชื้อโรคแบบคลุมศีรษะชนิดมีพัดลมพร้อมชุดกรองอากาศ” ที่พัฒนาโดย ดร.เจริญ ตั้งตรงเบญจศีล กรรมการผู้จัดการบริษัท พรีมา เลเซอร์ เทอร์ราพี จำกัด

              นวัตกรรมนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการที่มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ในการประสบกับภาวะฝุ่นละออง พีเอ็ม 2.5 เกินมาตรฐาน ทำให้เกิดภาวะวิกฤติของคุณภาพอากาศ และปัญหาขยะหน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้ง ประกอบกับเป็นช่วงที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้การเข้าถึงหน้ากากอนามัยเป็นไปได้อย่างลำบาก 

              และด้วยความต้องการใช้จำนวนมาก ทำให้เกิดการกักตุน จนไม่เพียงพอต่อบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไป อีกทั้งวัตถุดิบหลักในส่วนของฟิลเตอร์คือ Melt brown ผลิตไม่ทันต่อความต้องการ และยังมีการคาดการณ์กันว่าปริมาณการใช้หน้ากากจะเป็นการสร้างขยะอันมหาศาลในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากส่วนประกอบทำมาจากโพลีเมอร์ 

              ดร.เจริญ จึงทำการศึกษาโครงสร้างหน้ากากอนามัย พร้อมกับคิดหาวัสดุที่สามารถใช้ทดแทนและมีความต้องการใช้ต่ำในตลาด แต่มีฟังก์ชั่นการใช้งานเทียบเท่ากับ Medical grade mask หรือ Surgical mask ที่ยังมีคุณสมบัติกรองฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ได้ด้วย จนได้ผลสรุปเป็น PTFE หรือเทปลอน (Teflon) จึงได้ขอรับการสนับสนุนเงินอุดหนุนในรูปแบบ “การสนับสนุนด้านวิชาการ” จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ เอ็นไอเอ ภายใต้โครงการนวัตกรรมมุ่งเป้า จำนวน 2.895 ล้านบาท

              ทั้งนี้ได้มีการส่งไปตรวจสอบที่ Nelson labs ในสหรัฐอเมริกา ทดสอบการป้องกันไวรัส (VFE) และป้องกันฝุ่น (PFE) ซึ่งมีความสามารถในการกรอง ทั้งฝุ่น และ เชื้อโรค (ไวรัสและแบคทีเรีย) ที่มีขนาด 0.1-0.3 ไมครอนได้ที่ 95% และ 0.5 ไมครอน หรือใหญ่กว่าที่ 99% และใช้ผ้าที่ผสมซิลเวอร์นาโนที่มีความเข้ม 180-200 ppm เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังและจากน้ำลายของผู้ใช้ ทำให้ไม่เกิดกลิ่นเหม็นจากการใช้งาน  หายใจได้ง่าย เทียบเท่าหน้าการอนามัย (Surgical Mask) และสามารถถอดแยกเพื่อทำการซักล้างได้

              ส่วน นวัตกรรมหน้ากากป้องกันเชื้อโรคแบบคลุมศีรษะชนิดมีพัดลมพร้อมชุดกรองอากาศ (Powered Air Purifying respirator : PAPR) ประกอบด้วยตัวฮู้ดคลุมศรีษะและปั้มลมช่วยดันลมที่มีฟิวเตอร์ที่ทำมาจาก PTFE  หรือ Teflon ซึ่งมีความสามารถในการกรองทั้งฝุ่นและเชื้อโรค (ไวรัสและแบคทีเรีย) ที่มีขนาด 0.1-0.3 ไมครอนได้ที่ 95 % และ 0.5 ไมครอน หรือใหญ่กว่าที่ 99 % โดยอุปกรณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งในชุดปกป้องร่างกายเต็มตัวสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ (PPE-Personal Protective Equipment) อีกด้วย

              ทั้งนี้ ยกตัวอย่างการรับรองของมาตรฐานหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เช่น EN14683 และมีการทดสอบ Biocompatibility เพื่อดูว่าไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ทดสอบความระคายเคือง ตามมาตรฐานที่เรียกว่า ISO10993 เมื่อทดสอบจะพบว่านุ่มไม่ระคายเคืองและลดการเหม็นน้ำลาย ลดการแพ้ ผื่นแดง และอัตราการเกิดสิวจะน้อยลง

              แผนธุรกิจในช่วงแรกมุ่งตลาดในประเทศเป็นอันดับแรกก่อนจะขยายสู่ตลาดอาเซียน ส่วนช่องทางการตลาดในระยะแรกจะโฟกัสทางโซเชียลมีเดียเป็นหลัก อาทิ ไลน์@ เฟซบุ๊กแฟนเพจ และเว็บไซต์

              เบื้องต้นเมื่อทำการเปิดตัวทาง “พรีมาฯ” ก็ได้ส่งมอบหน้ากากอนามัยชนิดใช้ซ้ำได้ จำนวน 6,000 ชิ้น และนวัตกรรมหน้ากากป้องกันเชื้อโรคแบบคลุมศรีษะชนิดมีพัดลมพร้อมชุดกรองอากาศ จำนวน 250 ชุด ให้กับทางผู้แทนบุคลากรทางการแพทย์ในย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล กรมการแพทย์ และกรมการแพทย์ทหารบก เพื่อนำไปแจกจ่ายในลำดับต่อไป

              ทั้งนี้จากการที่ทีมงาน Innolifethailand ได้ลองสวมใส่พบว่า หน้ากากใช้งานได้ดี ไม่เสียทรง หายใจง่าย ระบายอากาศได้ดี ที่สำคัญครอบคลุมทั้งใบหน้า ปรับรูปทรงได้ง่าย และเมื่อใช้ไปเป็นระยะเวลานานไม่มีกลิ่นของน้ำลายมารบกวนการใช้งาน แต่บางครั้งหากผู้มีใบหน้าเล็กอาจจะมีขนาดไม่พอดีกับขนาดของโครงหน้า อาจจะต้องมีการออกแบบรูปทรงให้รับกับใบหน้ามากยิ่งขึ้น….

              …ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่า ในอนาคตท่ามกลางสมรภูมิโควิดภิวัฒน์ที่ยังคงอยู่กับเรา ไปจนว่าจะมีวัคซีนออกมาใช้อย่างทั่วถึง และเรายังคงต้องผจญกับฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 ซึ่งจะกลับมาเป็นปัญหาในทุก ๆ ปี “พรีมาฯ” จะมีนวัตกรรมอะไรออกมาแก้ปัญหาให้เราอีกบ้าง และจะตอบสนองกับการใช้งานของผู้บริโภคได้มากน้อยแค่ไหนก็คงต้องรอติดตามกันต่อไป….