วศ.เร่งพัฒนาต้นแบบชุดสมาร์ทคิทตรวจสอบความแม่นยำเครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรด

News Update

กระทรวงอว โดย วศ. เร่งพัฒนาชุดสมาร์ทคิทถ่ายโอนมาตรฐาน เพิ่มแม่นยำให้เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟาเรดพร้อมจัดทำต้นแบบนำร่องให้ผู้ประกอบการ

นายแพทย์ปฐม  สวรรค์ปัญญาเลิศ  อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) มีความห่วงใยในวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID – 19  ที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยจำนวนมาก ทั้งยังมีแนวโน้มการแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง   จึงมอบหมายให้นักวิทยาศาสตร์เร่งเดินหน้างานวิจัยและนวัตกรรมในหลายๆ ด้าน เพื่อตอบโจทย์การใช้งานจริงในปัจจุบัน และในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว โดยเฉพาะการจัดตั้งจุดคัดกรองเพื่อตรวจหาผู้ติดเชื้อโรค COVID – 19 ซึ่งสังเกตได้จากผู้ป่วยที่มีอาการไข้โดยมีอุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 37.5 องศา ซึ่งปัจจุบันตามจุดคัดกรองตางๆ นิยมใช้เครื่องวัดอุณหภูมิชนิดไม่สัมผัส (อินฟาเรด) หรือ Non-Contact Thermometer ที่ใช้เทคโนโลยีอินฟาเรด เนื่องจากเป็นเครื่องวัดอุณหภูมิที่สะดวกและปลอดภัยทั้งผู้ใช้และผู้ถูกตรวจ

ทั้งนี้แม้ว่าเครื่องวัดอุณหภูมิดังกล่าวจะมีความสะดวกและปลอดภัย แต่ผลการวัดก็มีโอกาสผิดพลาด และอาจส่งผลให้การคัดกรองผู้ป่วยมีความผิดพลาดได้  เพื่อเสริมประสิทธิภาพให้จุดคัดกรองตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ดียิ่งขึ้น ทีมวิจัย วศ. ได้พัฒนาชุดสมาร์ทคิท หรือชุดถ่ายโอนมาตรฐาน (transfer standard)  ขึ้นเพื่อใช้ตรวจสอบความถูกต้องของการอ่านค่าอุณหภูมิของเครื่องวัดอุณหภูมิชนิดไม่สัมผัส (อินฟาเรด) เพื่อช่วยสนับสนุนหน่วยตรวจหรือจุดคัดกรองตรวจหาผู้ติดเชื้อโรค COVID – 19 ให้ มีความมั่นใจว่ามีผลการวัดอุณหภูมิ ถูกต้อง แม่นยำ และน่าเชื่อถือมากขึ้น

ด้านนายวันชัย ชินชูศักดิ์ นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ และนายวีระชัย วาริยาตร์ นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการ วศ .  กล่าวว่า ชุดสมาร์ทคิทนี้ มีหลักการทำงานคือ เมื่อกระแสไฟฟ้าถูกส่งผ่านวงจรของสารกึ่งตัวนำความร้อนจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นที่จุดรอยต่อด้านหนึ่งและจะถูกดูดกลืนอีกด้านหนึ่ง หรือที่เรียกว่าปรากฎการณ์ Peltier Effect ซึ่งหลักการนี้นำมาใช้ในการพัฒนาชุดสมาร์ทคิทดังกล่าว   ปัจจุบัน วศ.ได้ยื่นขอใบรับรองการจดอนุสิทธิบัตรชุดสมาร์ทคิทดังกล่าวแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาในการรับรองไม่เกิน 6 เดือน  โดย วศ. พร้อมทำเป็นเครื่องต้นแบบเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับผู้ประกอบการต่อไป