วว.เปิดบริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพกระท่อม

เวทีวิจัย

วว. ให้บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพวัตถุดิบ- สารสกัดกระท่อม เพื่อยืนยันผลและสร้างความมั่นใจในการนำไปใช้ พร้อมเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ

 .             ศ. (วิจัย) ดร. ชุติมา    เอี่ยมโชติชวลิต    ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กล่าวว่า  กระทรวงการอุดมศึกษา  วิทยาศาสตร์  วิจัยและนวัตกรรม  (อว.) โดย วว. มีความเชี่ยวชาญและให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางเคมีของกระท่อม   ให้บริการทดสอบประสิทธิภาพและการประเมินความปลอดภัยด้วยมาตรฐานห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรอง  ISO / IEC 17025 และ OECD – GLP  โดยให้บริการวิเคราะห์ทดสอบ   ได้แก่  การตรวจเอกลักษณ์โดย  TLC    ปริมาณสารสำคัญ  การทดสอบการปนเปื้อนโลหะหนัก ได้แก่  ปรอท   ตะกั่ว  แคดเมียม  สารหนู   และการทดสอบปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์

 .             นอกจากนี้ยังเชี่ยวชาญและให้บริการทดสอบประสิทธิภาพ  การประเมินความปลอดภัยของกระท่อม เพื่อยืนยันผลและสร้างความมั่นใจในการนำไปใช้   ได้แก่  1.การทดสอบประสิทธิภาพ   เช่น  ฤทธิ์ต้านการอักเสบ  แก้ปวด   ชาเฉพาะที่   ลดระดับน้ำตาลในเลือด   และ 2.การประเมินความปลอดภัย  ได้แก่ การทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลันทางปาก ( Acute   oral   toxicity   test, TG 423)  เป็นต้น

 .             “กระท่อม”   เป็นไม้ยืนต้น  มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า  Mitragyna  Speciosa  Korth  มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนชื้นแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  โดยเฉพาะประเทศไทยและมาเลเซีย   เดิมเป็น  “ยาเสพติดให้โทษ”  ภายใต้ พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษมานานถึง  41  ปี  ได้รับการปลดออกจากยาเสพติดเป็นพืชที่ประชาชนปลูกเพื่อการบริโภคและขายได้ทั่วไป  เมื่อวันที่   26  พฤษภาคม  2564  คนไทยใช้ใบสดหรือใบแห้งนำมาเคี้ยว สูบ  หรือชงเป็นน้ำชา  รักษาอาการติดเชื้อในลำไส้  แก้ท้องเสีย  ท้องร่วง  บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ   ลดไข้  บรรเทาอาการไอ   ทำให้นอนหลับ  ทางภาคใต้ใช้ใบรักษาโรคเรื้อรัง  เช่น  เบาหวาน   ความดันโลหิตสูง  สารสำคัญที่พบคือ  ไมทราไจนีน  (mitragynine)  ซึ่งเป็นสารที่พบเฉพาะในพืชกระท่อมเท่านั้น   มีฤทธิ์ระงับปวดได้คล้ายกับการใช้มอร์ฟีน  แต่มีข้อดีกว่ามอร์ฟีนคือ ไม่กดระบบทางเดินหายใจ  ไม่ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้  อาเจียน  การบริโภคกระท่อมในปริมาณต่ำๆ จะออกฤทธิ์กระตุ้น  ลดอาการเมื่อยล้า  ทำงานได้นานขึ้น  หากใช้ในปริมาณสูงจะมีฤทธิ์กล่อมประสาทและเสพติด  และหากรับประทานเป็นเวลานาน   อาจทำให้ท้องผูก  นอนไม่หลับ  คลื่นไส้อาเจียน   ผิวหนังคล้ำลง  บางรายอาจพบอาการแขนกระตุก อารมณ์ซึมเศร้า  กระวนกระวาย  ความดันสูง  มีอาการทางจิต หวาดระแวง เห็นภาพหลอน

 .             สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมการบริการวิเคราะห์ทดสอบคุณสมบัติทางเคมี  ได้ที่ ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา วว. โทร. 0 2323 1672-80 ต่อ 221 , 0 2 577 9108   อีเมล  mtc@tistr.or.th  และ tanwarat@tistr.or.th  และสอบถามงานบริการทดสอบประสิทธิภาพและการประเมินความปลอดภัย   ได้ที่    ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร  วว.  โทร. 0 2577 9110, 0 2577  9106   อีเมล  tox_service@tistr.or.th