สจล.เผยความสำเร็จวิจัยโมเดล “สนามกอล์ฟออร์แกนิก” ด้วยนวัตกรรมและจุลินทรีย์ชีวภัณฑ์

นวัตกรรมยั่งยืน เวทีวิจัย

สจล.   คิดค้นนวัตกรรม “จุลินทรีย์ – ชีวภัณฑ์ออร์แกนิก” เผยผลสำเร็จงานวิจัยโมเดล”สนามกอล์ฟออร์แกนิก”’ แห่งแรกของไทยและอาเซียน ที่สยามคันทรีคลับ เตรียมต่อยอดจับมือ 4 ธุรกิจไลฟ์สไตล์ เพื่อ “กิน-อยู่-เที่ยว-เล่น ปลอดภัยไร้สารพิษ” ชวนผู้ประกอบการทุกระดับเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ “ฮับเกษตรปลอดสารเคมีของโลก”  

               รศ. ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า คนไทยและชาวโลกกำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากปัญหาสารพิษที่แฝงอยู่รอบตัวเรามากขึ้นทุกขณะ เสี่ยงต่อปัญหาสารพิษจากอาหาร อากาศ และสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันสังคมเศรษฐกิจโลกที่มุ่งเน้นการเพิ่มผลผลิต ซึ่งพึ่งพาการใช้สารเคมีอย่างแพร่หลาย ทั้งสารเคมีที่มีประโยชน์มหาศาล ขณะเดียวกันก็มีจำนวนไม่น้อยที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและสะสมในร่างกายเราโดยไม่รู้ตัว รวมถึงระบบนิเวศน์ และการตกค้างในสิ่งแวดล้อม

               ด้วยวิสัยทัศน์ สจล.ในความเป็นผู้นำนวัตกรรมระดับโลกเพื่อคนไทยและมนุษยชาติ เรามุ่งมั่นในการเป็นผู้นำความปลอดภัยจากสารพิษ สานพลังผู้ประกอบการขับเคลื่อนไทยสู่ ไลฟ์สไตล์สีเขียวและวิถีออร์แกนิก  (Green lifestyle, Organic Environment) สนับสนุนการพัฒนาองค์กรให้มีคุณภาพอย่างยั่งยืน (Sustainable) สจล.จึงได้จัดตั้ง สถาบันวิจัยเกษตรอินทรีย์ยุคใหม่ สจล. (KMITL Research Institute of Modern Organic Agriculture) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainability) เกี่ยวข้องกับการผลิตอาหารปลอดภัยจากสารพิษ (Safety Food) เพื่อสุขภาพของคนไทยและมนุษยชาติ และรักษาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม โดยมีภารกิจหลักเพื่อวิจัย พัฒนา สร้างนวัตกรรม เผยแพร่องค์ความรู้การทำเกษตรอินทรีย์ ส่งเสริมผู้ประกอบการและเกษตรกร ดำเนินการ “การรับรองเกษตรอินทรีย์โดย สถาบัน AATSEA-KMITL” เพื่อนำไปสู่การผลิตและการตลาดอย่างยั่งยืน รวมถึงส่งเสริมการประกอบธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ด้านเกษตรอินทรีย์ในประเทศไทย

               สถาบันวิจัยเกษตรอินทรีย์ยุคใหม่ สจล. (RIMOA KMITL) มุ่งเน้นงานวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ในการทำเกษตรอินทรีย์และปัจจัยการผลิตในการทำเกษตรอินทรีย์ ซึ่งมีความสำคัญและจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะเอามาใช้ทดแทนสารเคมีทางการเกษตรในการทำการเกษตรไม่ใช้สารเคมี (NAP, Non – Agrochemical Production) เพื่อปรับเปลี่ยนไปสู่การทำ “เกษตรอินทรีย์ยุคใหม่” (Organic Agriculture) อย่างครบวงจรจากต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ อีกทั้งเผยแพร่องค์ความรู้ช่วยส่งเสริมภาคธุรกิจออร์แกนิกและเกษตรอินทรีย์ของไทยให้เป็นจริง มีความมั่นคงเข้มแข็ง และยั่งยืน

               การที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว จำเป็นต้องระดมทรัพยากร ทั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ บุคลากร องค์ความรู้และนวัตกรรม ตลอดจนปัจจัยต่างๆ ที่ สจล.ขอเชิญชวนธุรกิจอุตสาหกรรม กิจการต่างๆ ให้หันมาใส่ใจลูกค้าผู้บริโภค และแนวทางออร์แกนิก เพื่อรวมพลังให้ประเทศไทยเป็น “ฮับเกษตรปลอดสารเคมีของโลก” ศูนย์กลางผลิตภัณฑ์-บริการออร์แกนิก ยกระดับครัวไทยเป็น “ครัวโลกเพื่อสุขภาพดี” เป็นอีกหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์

               รศ. ดร.เกษม สร้อยทอง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเกษตรอินทรีย์ยุคใหม่ สจล. (RIMOA KMITL)กล่าวถึง ความสำเร็จในการทำวิจัย “สนามกอล์ฟออร์แกนิก”นวัตกรรม และการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ว่า สจล.ได้ร่วมกับ สยามคันทรีคลับ บางนา ดำเนินงานวิจัย “สนามกอล์ฟออร์แกนิกครั้งแรกในประเทศไทยและอาเซียน”  ความสำเร็จของผลการวิจัย ในระยะ 3 เดือนของการปรับปรุงสนามกอล์ฟโดยการใช้ชีวภัณฑ์และนวัตกรรมของ สจล. พบว่า สารอาหารในดินเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และปริมาณโลหะหนักต่างๆ ได้ถูกย่อยสลายและลดลงอย่างเห็นได้ชัด และผลดีที่ได้รับจากการปรับปรุง ‘ความเป็นกรด-ด่างของดิน’ จากเดิมค่าความเป็นกรด ph2 – 3 ได้ปรับตัวมาเป็นกลาง ph6 – 6.5  ภายในเวลา 3 เดือน นอกจากนี้ การตรวจสอบได้บ่งชี้ว่า ไม่พบสารพิษ เช่น ยาฆ่าแมลง ไนเตรต หลังเข้าทำการปรับปรุงสนามด้วยชีวภัณฑ์ ความสำเร็จนี้จะนำไปต่อยอดกับธุรกิจไลฟ์สไตล์ให้เป็นออร์แกนิก กิน-อยู่-เที่ยว-เล่น ต่อไป เช่น สวนผักผลไม้ ฟาร์ม รีสอร์ท แหล่งท่องเที่ยว ศูนย์การค้า สวนสาธารณะ ศูนย์กีฬา โรงเรียน ชุมชนหมู่บ้าน เป็นต้น

               ประเทศไทยในฐานะเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่สำคัญอันดับต้นๆ ของโลก ความผันผวนเปลี่ยนแปลงของโลกและมาตรการกฎระเบียบการค้าที่เข้มงวดต่อผลกระทบทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ไทยได้เวลาปรับตัวและเปลี่ยนผ่านเพื่อสอดรับกับความต้องการของตลาดนานาประเทศ เพื่อผลักดันความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) และยกระดับผลผลิตเกษตรอินทรีย์ปลอดภัยของไทยสู่ตลาดในประเทศและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันด้วยพลังและบทบาทของการพัฒนาด้านเกษตรอินทรีย์ รวมถึงการเรียนรู้เกษตรอินทรีย์นอกระบบของเกษตรกรอย่างยั่งยืน

               สำหรับ 3 ผลงานวิจัยนวัตกรรมเด่นที่ สจล. คิดค้นเพื่อโลกปลอดสารพิษ ได้แก่ 1. สารอินทรีย์ปรับปรุงสภาพดินและย่อยโลหะหนัก เพื่อเร่งการฟื้นฟูสนามหญ้าจากโรคพืช พร้อมทั้งกระตุ้นความสมบูรณ์ให้กับสนามหญ้า, 2. “ นาโนอิลิซิเตอร์” (Nano-Elicitor) เป็นนาโนเทคโนโลยีจากสารออกฤทธิ์จุลินทรีย์เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่พืช และ “คีโตเมี่ยม”ผลงานวิจัยยาเชื้อป้องกันกำจัดโรคพืชและส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช และอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ปุ๋ยอินทรีย์ คิงฟาร์เมอร์  , นิวทริครอป จุลินทรีย์เพิ่มผลผลิต  , บอทเอฟ ป้องกันโรคพืช และ ไบโออินเส็ก จุลินทรีย์กำจัดแมลง สารสร้างภูมิคุ้มกันแมลง 

                3. “การรับรองเกษตรอินทรีย์โดย สถาบัน AATSEA-KMITL” ตามมาตรฐานสากล สจล.เปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการจนถึงเกษตรกรในทุกระดับ สนับสนุนการตรวจสอบ การวัดประเมินผล และการรับรองเกษตรกร พื้นที่การเกษตร ไปจนถึงผลผลิตทางการเกษตรทั้งหมดจากเกษตรกรที่มีผลกระทบต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ผลกระทบทางภูมิสังคม และผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ ตั้งแต่เกษตรกรรายย่อยจนถึงเครือข่ายการเกษตรขนาดใหญ่ในหลายพื้นที่ของประเทศไทยและต่างประเทศ ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยในการผลิตและการบริโภคผลผลิตทางการเกษตร อาทิ การให้เกษตรกรเลิกใช้สารกำจัดแมลงและศัตรูพืช เปลี่ยนการใช้ปุ๋ยเคมีเป็นปุ๋ยชีวภาพ หรืออินทรีย์วัตถุ และการใช้นวัตกรรมจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มมวลชีวภาพให้แก่ธาตุในดิน ตลอดจนการนำองค์ความรู้วิทยาศาสตร์การเกษตรมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม รวมทั้งการฝึกอบรมส่งเสริมและสร้างกำลังคนผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรอินทรีย์ยุคใหม่สำหรับประเทศไทย

               นอกจากนี้ สถาบันวิจัยเกษตรอินทรีย์ยุคใหม่ สจล. ได้ขยายความร่วมมือด้านเกษตรอินทรีย์ยุคใหม่ กับต่างประเทศ อาทิ การร่วมวิจัยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนกับประเทศฟินแลนด์, Sathyabams Institute of Science and Technology, Chennei ประเทศอินเดีย Zhejiang Academy of Agricultural Science, Hangzhou จากจีน, Catanduanes State University ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นต้น อีกทั้งร่วมมือทางวิชาการและวิจัยกับประเทศในกลุ่มสมาชิกของสมาคมเทคโนโลยีการเกษตรแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (AATSEA) ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 18 ประเทศ

               คุณสมชาย สืบบุญศรีพงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามเอสเตท แอนด์ โค จำกัด ในกลุ่มสนามกอล์ฟสยามคันทรีคลับ กล่าวว่า อันตรายของสารเคมีจากการสัมผัสและติดตามตัวเสื้อผ้าไปสู่บ้านได้ กอล์ฟเป็นกีฬายอดนิยมและได้รับการยอมรับทั่วโลก โดยสยามคันทรีคลับ ซึ่งปัจจุบัน มี 5 แห่ง นับเป็นสนามกอล์ฟชั้นนำมาตรฐานโลกของไทยและอาเซียน เรามุ่งมั่นในการพัฒนาบริการและคำนึงถึงการมอบสิ่งที่ดีที่สุดแก่ผู้มาใช้บริการอย่างไม่หยุดนิ่ง เราจึงได้ร่วมมือกับ สจล. ริเริ่มทำวิจัย “สนามกอล์ฟออร์แกนิก” ด้วยนวัตกรรมชีวภัณฑ์เป็นแห่งแรก ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ต่อผู้มาใช้บริการ ซึ่งมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ พนักงาน รวมถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมสีเขียวและธุรกิจที่เสริมความยั่งยืนแก่ประเทศโดยรวม

               คุณกิตติศักดิ์ โพธิ์แก้ว โปรกอล์ฟ  ผู้อำนวยการหลักสูตรโปรแกรมผู้บริหารระดับสูงเพื่อการเปลี่ยนแปลง กล่าวว่า สนามกอล์ฟออร์แกนิกในต่างประเทศเริ่มแล้ว ในไทยครั้งนี้เป็นการวิจัยครั้งแรก นับเป็นความฝันของนักเล่นกอล์ฟและโปรกอล์ฟที่จะเล่นได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยต่อสุขภาพ  ปัจจุบันมีสนามกอล์ฟในประเทศไทยกว่า 250 แห่ง และนักกอล์ฟทั่วประเทศ มีจำนวนกว่า 2 ล้านคน เป็นคนไทยจำนวน 1.2 ล้านคน และชาวต่างชาติ กว่า 800,000 คน ประเทศไทยยังมีแหล่งท่องเที่ยวและสันทนาการทั้งทางบกและทางทะเลอย่างครบครัน การพัฒนาแนวคิดทางธุรกิจให้เป็นสีเขียวและออร์แกนิกนั้น จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัยสูงขึ้น ทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์อันดีของประเทศไทย และสร้างประสบการณ์ความประทับใจ พร้อมไปกับกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย กิน-อยู่-เที่ยว-เล่น ของนักท่องเที่ยวมากขึ้น ตลอดจนส่งเสริมการตลาดแบบบอกต่อและกลับมาใช้บริการซ้ำได้อีกด้วย