ปส. ยืนยันความพร้อมในบทบาทการกำกับดูแลความปลอดภัย หากประเทศไทยมีการดำเนินโครงการหรือเทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กแบบโมดูลาร์ หรือ SMRย้ำให้ประชาชนเชื่อมั่นเพราะ ดำเนินงาน ตามมาตรฐานสากล เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม

วันที่ 13 มิถุนายน 2568 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ รรท. เลขาธิการ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดงานเสวนาหัวข้อ “ไทยพร้อมสำหรับ SMR (Thailand Readiness for Utilizing SMR)” ซึ่งจัดโดยสภาสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (สสวทท) ร่วมกับ สมาคมนิวเคลียร์แห่งประเทศไทย (สนท.)
โดยงานดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยี Small Modular Reactor (SMR) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์สมัยใหม่ที่ได้รับความสนใจในระดับนานาชาติ และกำลังเป็นที่จับตามองว่าอาจเป็นทางเลือกด้านพลังงานของประเทศไทยในอนาคต ซึ่งในการเสวนา มีผู้แทนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ ดร.ปานทิพย์ อัมพรรัตน์ ผู้แทนสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ดร.นทีกูล เกรียงชัยพร ผู้แทนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ดร.เอกรินทร์ วาสนาส่ง ผู้แทนจากภาคเอกชน และสื่อสารมวลชน และนางวราภรณ์ วัชรสุรกุล ผู้แทนจากสมาคมนิวเคลียร์แห่งประเทศไทย และภาคเอกชน โดยมี ดร. ฐิติทิพย์ ทิพยมนตรี กรรมการ สนท. เป็นผู้ดำเนินรายการ

นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ เปิดเผยว่า SMR ถือเป็นเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์สมัยใหม่ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ซึ่งถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็นโมดูลาร์ คือ มีการผลิตชิ้นส่วนสำเร็จจากโรงงาน แล้วนำไปประกอบในพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้า ทำให้ลดความเสี่ยงในกระบวนการก่อสร้างและควบคุมคุณภาพได้ดียิ่งขึ้น หากประเทศไทยมีความจำเป็นหรือมีนโยบายในการเดินหน้าใช้พลังงานนิวเคลียร์ในรูปแบบของ SMR ผู้ประกอบการต้องยื่นขออนุญาตจาก ปส. ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางในการกำกับดูแลทางนิวเคลียร์โดยตรง ที่พร้อมจะตรวจสอบสถานที่ ระบบงาน เทคโนโลยี และบุคลากรอย่างเข้มงวดตามมาตรฐานสากล
ทั้งนี้ การกำกับดูแลความปลอดภัยของสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ (เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัย โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และสถานประกอบการประเภทอื่น ๆ) จะเป็นไปตามพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559 ที่กำหนดให้ต้องได้รับใบอนุญาตเป็นขั้น ๆ ไป (step-by-step licensing) ได้แก่ 1. ใบอนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อตั้งสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ (Site License) 2. ใบอนุญาตก่อสร้าง (Construction License) 3. ใบอนุญาตดำเนินการ (Operating License) และ 4. ใบอนุญาตเลิกดำเนินการ (Decommissioning License) นอกจากนี้ ก่อนจะได้รับใบอนุญาตดำเนินการได้ ผู้ประกอบการยังต้องขออนุญาตทดสอบการเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์อีกด้วย โดย ปส. จะดำเนินการตรวจสอบและประเมินความปลอดภัยในทุกขั้นตอนเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมโดยรอบ

นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์แตกต่างจากพลังงานรูปแบบอื่น คือ รังสีและกากกัมมันตรังสี ที่เกิดขึ้นระหว่างการดำเนินการ ซึ่งสามารถก่อให้เกิดผลกระทบได้หากไม่มีมาตรการควบคุมอย่างเหมาะสม และกากกัมมันตรังสีเองก็มีค่าครึ่งชีวิตยาวนานจนกว่าอันตรายจากรังสีจากตัวมันเองจะหมดไป ดังนั้น เทคโนโลยีนิวเคลียร์สมัยใหม่อย่าง SMR จึงถูกออกแบบมาให้ป้องกันการรั่วไหลหรือการแพร่กระจายของรังสีได้ในทุกสถานการณ์และลดการเกิดกากกัมมันตรังสีลงได้มากเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ทั่วไป โดย ปส. จะทำหน้าที่กำกับดูแลตั้งแต่การออกใบอนุญาต การตรวจสอบในทุกขั้นตอนตลอดช่วงอายุการดำเนินการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในทุกมิติ รวมทั้งการตรวจติดตามการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อกำหนดที่ได้มาตรฐาน ทั้งนี้ ปส. ได้เตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านกำลังคน การสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักแก่ประชาชน รวมทั้งการศึกษาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และปรับปรุงกฎหมายรองรับการใช้พลังงานนิวเคลียร์ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับบริบทของประเทศ หากไทยพร้อมนำนวัตกรรมใหม่อย่าง SMR มาช่วยให้ประเทศก้าวสู่พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
