เพราะ “มวยไทย” ไม่ได้เป็นแค่กีฬา หรือศิลปะการต่อสู้ประจำชาติ แต่ยังเป็นสื่อกลางที่สะท้อนถึงภูมิปัญญา วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่แสดงถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทย ด้วยคุณลักษณะเฉพาะที่ผสมผสานระหว่างศิลป์และจิตวิญญาณ
“มวยไทย” จึงเป็นทรัพยากรสำคัญที่มีศักยภาพสูงในการเป็นกลไกขับเคลื่อน Soft Power ของชาติที่สามารถสร้างผลลัพธ์ในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ การพัฒนารูปแบบธุรกิจ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และการบูรณาการกับแนวคิดด้านสุขภาพและความยั่งยืน

ด้วยตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว มหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง (มรภ.หมู่บ้านจอมบึง) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนามวยไทยอย่างต่อเนื่อง จึงได้ดำเนินงานวิจัยเกี่ยวกับ “มวยไทย” ในหลายมิติ โดยเฉพาะ 4 โครงการวิจัยหลัก ที่ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) ซึ่งมีทีมวิจัย นำโดย “ ผศ.ดร.สัจจา ไกรศรรัตน์” และคณะ ประกอบด้วย อาจารย์ดร.บารมี ชูชัย อาจารย์ดร.รุ่งนภา สิงห์สถิต อาจารย์นัฏกร สุขเสริม และรศ.ดร.ชาญชัย ยมดิษฐ์

ผศ.ดร.สัจจา ไกรศรรัตน์ อาจารย์ประจำสาขาวิชานิเทศศาสตร์และนวัตกรรมสื่อ คณะวิทยาการจัดการ วิทยาลัยมวยไทยศึกษาและการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง เปิดเผยว่า ทีมวิจัยได้มีการนำ 4 โครงการวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจาก บพข. มา ต่อยอดเป็น โครงการวิจัยแบบสังเคราะห์ (Meta Analysis) ที่มีชื่อว่า “ การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสร้างพลังสร้างสรรค์ SOFT POWER มวยไทยสู่สากล ”
โดยงานวิจัยแรกได้รับการสนับสนุนจาก บพข.ในปี 2563 คือ โครงการ “การพัฒนารูปแบบการจัดการด้านกีฬามวยไทยบูรณาการวิถีไทยในโรงแรมส่งเสริมสุขภาพ (WellHotel)” ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ เพราะเป็นช่วงเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่แม้ธุรกิจการท่องเที่ยวจะซบเซาลง แต่มีธุรกิจที่เติบโตขึ้น คือ WellHotel หรือโรงแรมเพื่อสุขภาพ ที่ขณะนั้นใช้สำหรับเป็นที่พักระหว่างการรักษาโรคโควิด-19 ทำให้เกิดโอกาสในการนำ “มวยไทย” เข้าไปเป็นจุดขาย สร้างเอกลักษณ์ให้กับแต่ละโรงแรมมากขึ้น
และทำให้หลาย ๆ คนเปลี่ยนมุมมองจากที่เคยมองว่า มวย คือความรุนแรง กลายเป็นมวยที่มีการส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม มีการพัฒนาออกมาเป็นโปรแกรมต่างๆ เพื่อใช้กับ WellHotel เช่น มวยไทยสำหรับการแก้ไขอาการออฟฟิศซินโดรม หรือมวยสำหรับผู้สูงอายุ
…การนำมวยไทยเข้าสู่ WellHotel ถือเป็นการนำเอามวยไทยเข้าสู่สากล เพราะเป็นไปตามมาตรฐานของ WellHotel ที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ โครงการนี้จึงเป็นตัวเลือกแรกที่ทีมวิจัยเลือกมาสังเคราะห์…
ส่วนงานวิจัยที่ 2 คือ โครงการ “การยกระดับการท่องเที่ยวเชิงกีฬามวยไทยเพื่อมุ่งสู่การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Sport Tourism)” ได้รับงบสนับสนุนจากบพข.ในปี 2564 นักวิจัยบอกว่า เป็นช่วงของการจัดการแข่งขันชกมวย แล้วกระแสของการรักษ์โลกก็เข้ามาพอดี จึงอยากจะสร้างต้นแบบให้กับผู้จัดมวยได้รู้ว่าการจัดมวยแบบ “คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์” เป็นอย่างไร ทีมวิจัยมีการพัฒนาต้นแบบฯ และนำไปใช้ในค่ายมวย “ชินราชมวยไทย” ที่เกาะพะงัน จ. สุราษฎร์ธานี
ผศ.ดร.สัจจา บอกว่า ต่อมาในปี 2565 กระแส Metaverse (เมตาเวิร์ส) กำลังมา ทีมวิจัยจึงขอทุน บพข.ใน การพัฒนาโครงการ “การพัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันของธุรกิจค่ายมวยด้วยเทคโนโลยีจักรวาลนฤมิต (Metaverse)” เพื่อเพิ่มมูลค่างานสร้างสรรค์จากฐานภูมิปัญญาและวัฒนธรรม โดยยกระดับค่ายมวยสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลผ่านเทคโนโลยี Metaverse, VR และ NFT เพื่อสร้าง “มวยไทยเสมือน” นักท่องเที่ยวหรือผู้สนใจเพียงแค่ใส่อุปกรณ์ ก็สามารถเข้าไปเรียนรู้มวยไทยได้

ส่วนเรื่องสุดท้ายที่อยู่ระหว่างดำเนินงานวิจัย ในปี 2567-2568 คือ โครงการ “การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาดการท่องเที่ยวศิลปะการต่อสู้มวยไทยผ่านแนวคิดการตลาดเชิงความร่วมมือพันธมิตร” เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์เป็นกลไกขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) สู่สากล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของงานวิจัยด้านมวยไทยของ มรภ.หมู่บ้านจอมบึง

“มหาวิทยาลัยของเรา เปิดสอนหลักสูตรมวยไทยในระดับปริญญาตรี โท เอก มา 20 ปี จึงมีงานวิจัยที่ค่อนข้างหลากหลาย และเราพบว่า มวยไทย ไม่ใช่แค่กีฬา แต่ถ้าเรามองเป็นระบบนิเวศ หรือ Ecosystem ก็สามารถที่จะเชื่อมโยงไปต่อได้อีกมากมาย”
ผศ.ดร.สัจจา อธิบายว่า มวยไทยสามารถเชื่อมโยงกับแพทย์แผนไทย สมุนไพรไทย และการดูแลสุขภาพแบบไทย ๆ เพราะเรามีเรื่องของ WellHotel จึงพัฒนาเป็นชุดผลิตภัณฑ์ ภายหลังการฝึกซ้อม ซึ่งหากฝึกซ้อมแล้วบาดเจ็บ จะมีสมุนไพร เช่น สเปร์ยกระดูกไก่ดำ หรือการประคบเย็นประคบร้อน ที่เป็นภูมิปัญญาไทย รักษาอาการฟกช้ำต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ยังสามารถขยับไปสู่เรื่องอื่น ๆ เช่น ศิลปะบนร่างกาย อย่าง แทตทู (Tattoo) ที่กำลังเป็นที่นิยม หรือการพัฒนาด้านแฟชั่นเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย

ชุดงานวิจัยทั้ง 4 โครงการนี้ มุ่งเน้นการพัฒนาและใช้ “มวยไทย” ในฐานะ Soft Power ที่ทรงพลังของประเทศไทย ผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริการ และประสบการณ์รูปแบบใหม่ ที่ผสมผสานภูมิปัญญา วัฒนธรรม วิถีชีวิตไทย เข้ากับนวัตกรรม เทคโนโลยี และแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อสร้างรายได้ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน และยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศในระดับนานาชาติ
Soft Power ในที่นี้ จึงมิใช่เพียงการเผยแพร่วัฒนธรรม แต่เป็น “กระบวนการทางกลยุทธ์” ที่ดึงดูดใจ สร้างแรงบันดาลใจ และสร้างผลกระทบเชิงบวกผ่านสื่อ การท่องเที่ยว และพันธมิตรระดับโลก ซึ่งสามารถต่อยอดให้เป็น กลไกแห่งการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยวัฒนธรรม
“ สำหรับมวยไทยบอกได้เลยว่าเป็น Soft Power ที่สร้างพลังศรัทธาให้คนทำตามได้ และเมื่อเป็น Soft Power เราจะไม่ขายแค่มวยไทย แต่เราจะให้มวยไทยเป็นตัวดึงคนต่างชาติเข้ามาในประเทศ ด้วยความอยากที่จะมาฝึกฝนในประเทศต้นแบบ ซึ่งเราสามารถจัดเตรียมด้านต่าง ๆ ไว้รองรับได้เลย ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหาร การท่องเที่ยว แฟชั่นหรือว่าเทศกาลสำคัญ”
และจากการสังเคราะห์ข้อมูลงานวิจัยได้แสดงให้เห็นการเปลี่ยนบทบาทของมวยไทย จากวัฒนธรรมพื้นถิ่นไปสู่สินทรัพย์สร้างสรรค์เชิงเศรษฐกิจ และกลายเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยบนเวทีโลก
อย่างไรก็ดี เพื่อให้เกิดต่อยอดและขยายผลงานวิจัยไปสู่การออกแบบกลไกเชิงนโยบายและแนวทางการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพและต่อเนื่องในระดับประเทศ ทีมวิจัยได้มีข้อเสนอเชิงนโยบาย อาทิ การผลักดันมวยไทยเป็นสินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์ในแผน Soft Power แห่งชาติ การจัดตั้ง Muay Thai Experience Hub ในพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก การสร้าง Thailand Muay Thai Metaverse Platform เพื่อเชื่อมโยงทั่วโลก การสนับสนุนค่ายมวยและโรงแรมไทยร่วมพัฒนาโปรแกรมสุขภาพ-วัฒนธรรม และการสร้างชุดมาตรฐาน “Green Sport Tourism” สำหรับกิจกรรมมวยไทย

ล่าสุด..ชุดโครงการวิจัย “การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสร้างพลังสร้างสรรค์ Soft Power มวยไทยสู่สากล” คว้ารางวัล Silver Award สุดยอดผลงานวิจัยและนวัตกรรม “Thailand Research Expo 2025 Award” ในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568 .
