สโนว์เฟลก (Snowflake) บริษัทด้าน AI Data Cloud ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย เผยโอกาสและความมุ่งมั่นพัฒนาชุมชนประเทศไทย ชูจุดเด่นแพลตฟอร์ม Easy- Connected-Trusted พร้อมร่วมมือ AWS เปิดใช้งานบน AWS Asia Pacific (Thailand) ในปี 2569
วันนี้ ( 12 พฤศจิกายน 2568) สโนว์เฟลก (Snowflake) บริษัทด้าน AI Data Cloud ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าและพันธมิตรภายในประเทศ การเปิดตัวในครั้งนี้จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถปลดล็อกข้อมูลเชิงลึกได้ดียิ่งขึ้นภายใต้การขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อผลักดันให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ทางธุรกิจ ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้องค์กรได้มีความใกล้ชิดกับข้อมูลมากขึ้น ทั้งยังรับประกันได้ถึงประสิทธิภาพด้านการกำกับดูแลและการปฏิบัติตามข้อกำหนดเฉพาะของข้อมูลในท้องถิ่น

คุณสัตชิต โจเกลการ์ กรรมการผู้จัดการ ประจำภูมิภาคอาเซียน บริษัท Snowflake กล่าวว่า การขยายธุรกิจของ Snowflake ในประเทศไทยถือเป็นก้าวสำคัญในความมุ่งมั่นของเราที่จะสนับสนุนและส่งเสริมองค์กรในท้องถิ่นด้วยแพลตฟอร์ม AI ที่ปลอดภัย เป็นไปตามกฎระเบียบ และมีประสิทธิภาพสูง
“ ขณะนี้องค์กรชั้นนำในอุตสาหกรรมของประเทศไทยมีการเปลี่ยนผ่านที่ขับเคลื่อนด้วย AI และมีการลงทุนครั้งใหญ่จากพันธมิตรที่สำคัญ เช่น AWS, Microsoft และ Google ในศูนย์ข้อมูลและภูมิภาคท้องถิ่นในประเทศไทย ประกอบกับนโยบายประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาลที่กำลังเดินหน้า เร่งกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทยที่มีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบแล้ว ด้วยมองเห็นโอกาสเหล่านี้ Snowflake จึงมีความมุ่งมั่นต่อประเทศไทย โดยจะมีการลงทุนในทีมงานชาวไทยในพื้นที่ มีการสร้างพันธมิตรช่องทางจัดจำหน่ายในท้องถิ่น และมีการวางแผนที่จะติดตั้งใช้งาน Snowflake ในพื้นที่ บน AWS ในปี 2569 รวมถึงมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาชุมชนชาวไทย โดยนำเสนอโปรแกรมระดับโลก เช่น Snowflake Ascend, Snowflake Quick Start และ 1 Million Miles One Platform นอกจากนี้ยังจะมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในการนำ Snowflake เข้าไปในหลักสูตรอีกด้วย”
คุณสัตชิต กล่าวอีกว่า Snowflake คือ One Stop Shop ที่ทำได้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับ AI และข้อมูล โดยมีจุดเด่นที่คุณสมบัติ 3 ประการคือ 1. Easy การใช้งานง่าย ลองใช้งานง่ายและเรียนรู้ได้ง่ายผ่านโปรแกรมพัฒนาทักษะและฝึกอบรมต่าง ๆ 2. Connected การเชื่อมต่อถึงกันไม่ว่าจะเป็นข้อมูลแบบใด รองรับการทำงานข้ามคลาวด์ ครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรม และ 3. Trusted มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งความไว้วางใจมีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ในยุค AI จึงต้องมีความรับผิดชอบด้านความปลอดภัยและการกำกับดูแล

สำหรับผลการดำเนินงานของ Snowflake ในระดับโลก มีรายได้เมื่อจบไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2569 ประมาณ1.09 พันล้านเหรียญสหรัฐ อัตราการรักษาลูกค้า อยู่ที่ 125% มีลูกค้าทั่วโลกมากกว่า 12,000 ราย ซึ่งมากกว่า 50 % กำลังใช้บริการ AI ของ Snowflake และมากกว่า 751 บริษัท จาก Forbes Global 2000 ใช้ Snowflake เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลและ AI หลัก
คุณทัต วีกัน หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมโซลูชัน บริษัท Snowflake เอเชีย กล่าวถึง โครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีของ Snowflake ว่า อยู่ภายใต้สิ่งที่เรียกว่า Snow Grid ซึ่งรวมบริการคลาวด์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทั้ง AWS, Microsoft Azure และ Google Cloud ทำให้ข้อมูลใด ๆก็ใช้งานได้ ทั้งข้อมูลที่มีโครงสร้าง และไม่มีโครงสร้าง มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้ Snowflake มีข้อมูลที่หลากหลายและมีความยั่งยืน นอกจากนี้ยังมี Snowflake Horizon Catalog ซึ่งช่วยกำกับดูแลข้อมูลทุกประเภท และจัดการการควบคุมการเข้าถึงตามบทบาท อย่างไรก็ดี Snowflake ต้องการให้ผู้ใช้ทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเท่าเทียมกัน สามารถ ค้นหาและสืบค้นข้อมูล โดยใช้ ภาษามนุษย์ปกติ โดยไม่จำเป็นต้องรู้ SQL หรือภาษาการเขียนโค้ดอื่นๆ
ทั้งนี้ AI ของ Snowflake ต่างจาก AI อื่น ๆ ตรงที่ สามารถเข้าใจคำถามของผู้ใช้ รู้ว่าจะดึงข้อมูลใดที่เหมาะสมในการตอบคำถาม และมีการตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้อง สามารถแสดงแปลงผลลัพธ์ให้เป็นตาราง แผนภูมิ หรือกราฟ ได้
ด้านคุณแองเจลา โกะ ผู้อำนวยการฝ่ายความร่วมมือและพันธมิตรประจำภูมิภาคอาเซียน บริษัท Snowflake กล่าวว่า สำหรับ Snowflake กลยุทธ์สำคัญ คือ พันธมิตรต้องมาเป็นอันดับแรก (Partner first) เพราะ Data และ AI ไม่สามารถทำได้โดยพันธมิตรเดียว แต่ต้องใช้ระบบนิเวศทั้งหมดโดยการลงทุนในพันธมิตร Snowflake ได้มีการปรับปรุงโปรแกรมพันธมิตรเพื่อให้มีความน่าดึงดูด ซึ่งการลงทุนในประเทศไทย ไม่เพียงแต่ในด้านความพร้อมใช้งานในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการให้เงินทุน และการสนับสนุนเพื่อช่วยให้พันธมิตรพร้อมสำหรับการเข้าสู่ตลาดด้วยเทคโนโลยีล่าสุด โดยพันธมิตรของ Snowflake แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. AI Data Cloud Services Partners พันธมิตรที่ให้บริการคลาวด์และ AI ทั้งผู้วางระบบ การโยกย้ายข้อมูล และการเปลี่ยนผ่านองค์กร 2. AI Data Cloud Product Partners พันธมิตรผลิตภัณฑ์ เช่น ผู้สร้างแอพพลิเคชัน และผู้ให้บริการชุดข้อมูล
นอกจากนี้เพื่อการเรียนรู้สำหรับพันธมิตร Snowflake มีการลงทุนอย่างจริงจังในโครงการฝึกอบรม โดยมี Snowflake Partner Network Learn (SPN Learn) เป็นเหมือนมหาวิทยาลัยออนไลน์ที่พันธมิตรสามารถเข้าถึงหลักสูตรด้าน AI และ Data เพื่อรับการรับรอง ทั้งสำหรับฝ่ายขายและฝ่ายเทคนิค Snowflake University ให้บริการฝึกอบรมแบบ On-Demand และห้องปฏิบัติการโดยเฉพาะสำหรับบุคลากรด้านเทคนิค และ Instructor-led Lab Training มีการลงทุนสำคัญในการฝึกอบรมแบบมีผู้สอนเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในเทคโนโลยี
ความร่วมมือกับ AWS ซึ่ง Snowflake วางแผนใช้อินสแตนซ์ ท้องถิ่น บน AWS Asia Pacific (Thailand) Region ของ AWS ในปี 2569 การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ลูกค้าของ Snowflake ในประเทศไทยสามารถเก็บข้อมูลของตนไว้อย่างปลอดภัยในประเทศ ขณะเดียวกันก็ยังคงใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับขนาดของ AI Data Cloud ของ Snowflake ได้ต่อไปด้วย ความยืดหยุ่นที่เกิดขึ้นทันที จากบริการของ Snowflake จะทำให้ลูกค้าทั้งในภาครัฐและเอกชนสามารถขยายข้อเสนอและใช้ประโยชน์จากชุดเครื่องมือและบริการปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังขยายตัวของ Snowflake ได้มากขึ้น
คุณเคิร์สเตน กิลเบิร์ตสัน หัวหน้าฝ่ายองค์กรพันธมิตร บริษัท AWS ASEAN กล่าวว่า “ในสภาวะเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI ณ ปัจจุบัน ข้อมูลและนวัตกรรมถือเป็นข้อกำหนดพื้นฐานในการสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่แข็งแกร่ง การเปิดตัว Snowflake ตามแผนที่วางไว้สำหรับ AWS Asia Pacific (Thailand) Region จะช่วยให้องค์กรต่างๆ ในประเทศไทยสามารถขยายขอบเขตของสิ่งที่เป็นไปได้โดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างมั่นใจ พร้อมทั้งสามารถเข้าถึงขีดความสามารถด้านคลาวด์และ AI ระดับโลก สำหรับความร่วมมือกับ Snowflake ในครั้งนี้จะทำให้องค์กรต่างๆ ในประเทศไทยมีทางเลือกและความยืดหยุ่นมากขึ้นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ด้วยข้อมูล ขณะเดียวกันก็ยังสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลได้ด้วย”
คุณพรรณศิริ อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิสซิเนส แอพพลิเคชั่นส์ จำกัด (BAC) กล่าวว่า การผสานกันระหว่าง Snowflake กับ AWS อย่างราบรื่น ช่วยให้ธุรกิจในประเทศไทยสามารถเข้าถึงความสามารถในการจัดเก็บ วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลได้อย่างง่ายดาย ซึ่งช่วยเสริมสร้างนวัตกรรมใหม่และยกระดับประสิทธิภาพในยุค AI อย่างเห็นได้ชัด
“ในอนาคตเมื่อมีการใช้อินสแตนซ์ท้องถิ่นของ Snowflake บน AWS Asia-Pacific (Thailand) Region จะช่วยให้ธุรกิจและผู้ใช้ได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้น ด้วยการเก็บรักษาข้อมูลภายในประเทศและสามารถลดเวลาแฝงในการส่งข้อมูลผ่านบริการคลาวด์ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น เราเชื่อว่าแนวทางนี้จะช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมให้กับธุรกิจไทย สร้างเศรษฐกิจดิจิทัลที่แข็งแกร่งและยั่งยืน รวมถึงผลักดันให้เกิดผลิตภัณฑ์ระดับโลก”
ขณะที่คุณพัชรินทร์ ทองอารีย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการส่วนงานข้อมูลและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group หนึ่งในผู้ใช้ประโยชน์ จาก Snowflake AI Data Cloud กล่าวว่า “สำหรับ WHA Group แล้ว เราเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมมาโดยตลอด การที่ Snowflake ได้ใช้งานบน AWS ประเทศไทยจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับวิสัยทัศน์ของเราด้านระบบนิเวศอุตสาหกรรมอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ด้วยการใช้งานในท้องถิ่น เราสามารถคาดการณ์การพัฒนาระบบสาธารณูปโภค การจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะ และการดำเนินงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทั่วทั้งพอร์ตโฟลิโอของเรา ขณะเดียวกันก็เสริมสร้างสถานะของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางระดับภูมิภาคสำหรับโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมอัจฉริยะและยั่งยืน”
