“แอปทิโอ” ชูโซลูชั่นบริหารธุรกิจ-การเงิน ผ่านเทคโนโลยีและคลาวด์สมัยใหม่

Inno Market

          จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หลายองค์กรต้องปรับตัวกับงบประมาณที่จำกัด ส่งผลให้เกิดการวางแผนใหม่เพื่อบริการจัดการเงินทุน พร้อมกับชะลอโครงการที่ไม่สำคัญ ด้วยเหตุนี้ธุรกิจจึงต้องมีกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนอย่างต่อเนื่อง และวินัยในการบริหารจัดการต่างๆเพื่อลดค่าใช้จ่ายและต้นทุน 

          ดังนั้น “แอปทิโอ” (Apptio) ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชั่นเพื่อการบริหารธุรกิจด้วยเทคโนโลยี (Technology Business Management: TBM) จึงนำประเด็นเหล่านี้มาวิเคราะห์พร้อมกับพัฒนาโซลูชั่น และกลยุทธ์ที่จะบริหารจัดการ ‘เงิน’ ด้วยเทคโนโลยีที่สามารถช่วยองค์กรชดเชยรายได้ที่ขาดหายไปในปัจจุบัน พร้อมกับรักษาความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน ผ่านการร่วมมือกับเหล่าพันธมิตรในเมืองไทย ส่งเสริมการใช้โซลูชั่นการบริหารการเงินด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Financial Management) ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของ TBM ให้แพร่หลายในประเทศมากยิ่งขึ้น โดยโซลูชั่น TBM ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ  สามารถวิเคราะห์ วางแผน และใช้งานเทคโนโลยีที่ลงทุนไปได้อย่างคุ้มค่า

           มร.โอเวน  แกน   รองประธานกรรมการ แอปทิโอ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ‘แอปทิโอ’ (Apptio) ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2550 ผ่านการพัฒนาโซลูชั่นใช้ภายในบริษัท จนกระทั่งต่อยอดสู่ โซลูชั่นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย   โดยโซลูชั่นนี้ประกอบด้วยแพลตฟอร์มการทำงานผ่านระบบคลาวด์และชุดแอปพลิเคชั่นผ่านอินเทอร์เน็ต(SaaS)ที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่ Cost Transparency, IT Benchmarking, Business Insights, Bill of IT and IT Planning

          ปัจจุบันมีบริษัทมากกว่า 60 % ในรายชื่อ Fortune 100 Companies in The World ให้ความไว้วางใจในการใช้โซลูชั่นของแอปทิโอ  ในการบริหารค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งหมดรวมถึงด้านอื่น ๆ ทำให้ผู้นำองค์กรสามารถทุ่มเทสร้างสรรค์นวัตกรรมในธุรกิจหลักของบริษัทได้อย่างเต็มที่

          ทั้งนี้“แอปทิโอ” สามารถผสานการทำงานโดยอัตโนมัติและวางโครงสร้างให้แก่วิสาหกิจ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีและข้อมูลการดำเนินงานอย่างชาญฉลาด เพื่อให้ผู้ใช้งานทั้งองค์กรสามารถรายงานผล วิเคราะห์ วางแผน และควบคุมการลงทุนร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งเสริมการแปรรูปองค์กร สู่การเป็นระบบดิจิทัลหลังผ่านพ้นวิกฤตการณ์โควิด-19

          มร.โอเวน  กล่าวอีกว่า การที่ “แอปทิโอ” นำเสนอ โซลูชั่น  TBM  สู่ตลาดเมืองไทย ในช่วงเวลานี้นับว่ามีความสำคัญยิ่ง เนื่องจากโซลูชั่นการบริหารการเงินผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศของแอปทิโอ  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ TBM  จะช่วยให้องค์กร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ  และพนักงานฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ สามารถตัดสินใจลงทุนบนพื้นฐานจากข้อมูลโดยสามารถตรวจสอบต้นทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศได้ทั้งหมด  นอกจากการร่วมมือกับเหล่าพันธมิตรในประเทศ แอปทิโอจะให้การสนับสนุนแก่บริษัทต่าง ๆ ด้วยการนำเสนอกลยุทธ์การใช้ต้นทุนควบคุมให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายและมีงบประมาณสำหรับโครงการเพิ่มเติมอื่น ๆ 

          “ช่วงเวลานี้นับว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าในอดีตที่ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศและผู้นำทางเทคโนโลยีต้องสร้างความมั่นใจว่าเงินทุกบาทที่ลงทุนไปกับเทคโนโลยีสารสนเทศจะช่วยสนับสนุนวัตถุประสงค์ทางธุรกิจของกรรมการบริษัท และต้องไม่มีการตัดงบลงทุนที่จำเป็นออกไป รวมถึงมีการใช้ระบบคลาวด์อย่างเต็มประสิทธิภาพ และนวัตกรรมดังกล่าวจะถูกนำมาใช้งานในองค์กรเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในโลกยุคดิจิทัล ที่จะอุบัติขึ้นอย่างสมบูรณ์หลังผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19   ซึ่ง ‘แอปทิโอ’ ได้นำเสนอบทเรียนแนวทางการปฏิบัติงานที่เยี่ยมจากวิสาหกิจและหน่วยงานรัฐบาลชั้นนำมากกว่า 1,200 แห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลกตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา”

          ด้าน มร.ไซมอน พิฟฟ์ รองประธานกรรมการ กลุ่มการปฏิบัติงาน ไอดีซี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า ผลการสำรวจของไอดีซีพบว่าการลงทุนในปีนี้ช่วงนิวนอร์มอล 41% ขององค์กรที่ร่วมการสำรวจได้เพิ่มเงินลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้น ขณะเดียวกันหลายหน่วยงานเริ่มมีการนำแนวคิดการทำงานแบบเวิร์คฟอร์มโฮมสู่รูปแบบถาวรเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยรายงาน IDC Public Cloud Services Tracker 2019H2 Forecast คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโตของคลาวด์อยู่ที่ 14% ตามอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้นจากปี ค.ศ. 2563-256

          ดังนั้นภาคธุรกิจจึงควรเร่งนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อดึงยอดขาย และการลงทุน อีกทั้งการใช้กลวิธีในการดึงดูดลูกค้า พร้อมปรับปรุงด้านซัพพลายเชน รวมถึงระบบคลังสินค้า ต่างๆ เพื่อให้ธุรกิจสามารถรันต่อไปได้ และที่สำคัญคือ ไฮบริดคลาวน์ จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ดังนั้นทุกธุรกิจจะควรปรับตัวเป็นดิจิทัลบิซิเนสให้มากขึ้น 

           ล่าสุด“แอปทิโอ”ได้ร่วมมือกับ “สุวิเทค” (Suvitech) ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรในประเทศไทย โดยสุวิเทค ถือเป็น วิสาหกิจรุ่นใหม่ผู้ให้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (ICT & IoT) ซึ่งจดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในประเทศไทย โดยมีพันธกิจในการมุ่งเน้นการนำเสนอโซลูชั่นเทคโนโลยีอันล้ำสมัยแก่ลูกค้าทั้งองค์กรวิสากิจ รวมถึง การขนส่ง การเกษตร การค้าปลีก การผลิตในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม การดูแลสุขภาพ การท่องเที่ยว  และภาครัฐ

           นายไพโรจน์ เจตนชัย หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ โซลูชั่น และ พาร์ทเนอร์ สุวิเทค กล่าวว่า การร่วมมือกับแอปทิโอในประเทศไทย นำเสนอโซลูชั่นการเปิดใช้งานเทคโนโลยีการจัดการธุรกิจเทคโนโลยี (TBM) ชั้นนำของตลาดสู่ตลาดไทย เนื่องจากในขณะนี้ CIO และผู้นำด้านเทคโนโลยีมีความสำคัญมากกว่าที่เคย ดังนั้นจึงต้องมีการตรวจสอบให้แน่ใจว่าการใช้จ่ายด้านไอทีนั้นสามารถสนับสนุนวัตถุประสงค์ทางธุรกิจได้อย่างเต็มที่ และการใช้จ่ายถูกลดลง เนื่องจาก “คลาวด์” ถูกนำไปใช้ได้อย่างเหมาะสม และนวัตกรรมดังกล่าวได้รับการส่งเสริมในองค์กรของตน  เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืนในโลกดิจิทัลที่กำลังขยายตัวใหม่

          “เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส เราจึงได้เห็นว่าองค์กรหลายแห่งต่างกำลังทุ่มเททรัพยากรของบริษัทเพื่อเร่งการแปรรูปธุรกิจของพวกเขาให้เป็นระบบดิจิทัล  แอปทิโอถือเป็นผู้นำในด้านนี้ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ มีความเข้าใจว่าการลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจะช่วยสนับสนุนการเติบโตขององค์กรได้อย่างไร  ผ่านการนำเสนอโซลูชั่น TBM สู่ตลาดในประเทศ ทั้งนี้สุวิเทคจะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำต่างๆในประเทศเพื่อจัดทำหลักสูตรการฝึกอบรมผู้บริหารเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจด้วยเทคโนโลยี (Technology Business Management: TBM) ด้วย เพื่อเป็นการต่อยอดองค์ความรู้และสร้างภูมิตั้งแต่จุดเริ่มต้น”