ถอดรหัสความสำเร็จ “เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” กับเส้นทางพัฒนาบ้านลักซูรีมั่นใจปรับพอร์ตแนบราบเพิ่ม 40%

Real Estate

ไม่ใช่แค่เป็นเจ้าตลาดคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet-friendly residences) แต่บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ยังนับเป็นหนึ่งในผู้นำและผู้เล่นรายสำคัญของตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซูรี ที่เข้าใจ “แก่น” ของการพัฒนาสินค้าระดับลักซูรีเป็นอย่างดี พิสูจน์ได้จากผลงานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เริ่มจากการขายโครงการทาวน์โฮมลักซูรีการ์เด้นท์วิว คลัสเตอร์โฮม และคอนโดมิเนียมลักซูรี ภายใต้ชื่อ Hampton Thonglor 10 ที่ตั้งราคาขายสูงเป็นประวัติการณ์ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว  ท่ามกลางผลกระทบจากวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 จน Sold Out ได้ทั้งหมดหลังเปิดตัวไม่นาน

          เพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD เล่าให้ฟังว่า ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย บริษัทพัฒนาโครงการทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมมาแล้วทั้งสิ้นกว่า 45 โครงการ ประมาณ 11,600 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าโครงการสะสมกว่า 80,000 ล้านบาท โดยมากกว่า 95% เป็นโครงการในเซ็กเมนท์ลักซูรี และเป็นเซ็กเมนท์ที่บริษัทประสบความสำเร็จสวนกระแสทุกวิกฤติได้เสมอมา

            “ตลาดที่อยู่อาศัยลักซูรีเป็นตลาดที่ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก ในทางการเงิน ลูกค้าในตลาดระดับนี้เป็นกลุ่มที่มักได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจน้อยกว่าลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ข้อสำคัญคือสินค้าที่จะขายในเซ็กเมนท์นี้ต้องเปี่ยมด้วยคุณภาพ ใส่ใจทุกรายละเอียดที่ตอบรูปแบบการใช้ชีวิตเหนือระดับ สร้างคุณค่าทางอารมณ์ สะท้อนภาพความมีรสนิยมให้กับผู้เป็นเจ้าของ จึงจะเจาะกลุ่มลูกค้าระดับลักซูรีได้” เพชรลดาระบุ

            ที่ผ่านมา เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ มีความเข้าใจผู้บริโภคในตลาดลักซูรีเป็นอย่างดี ส่งผลให้แม้จะขายสินค้าในระดับราคาสูง แต่ก็ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดเสมอมา เช่น โครงการแบรนด์มอลตัน (Malton) แบรนด์บ้านซูเปอร์ลักซูรีแบรนด์ล่าสุด ที่เพิ่งเปิดขายอย่างเป็นทางการในช่วง COVID-19 ก็สามารถฝ่าวิกฤติ จนมอลตัน ไพรเวท เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท 31 (Malton Private Residences) ราคา 65 – 99  ล้านบาท สามารถปิดการขาย (Sold Out) ได้ท่ามกลางยุค COVID-19

            เพชรลดามองว่า จุดแข็งที่ทำให้แบรนด์มอลตันประสบความสำเร็จ มาจาก DNA ของแบรนด์ 3 แกนหลัก ได้แก่ 1.Prime ทำเลต้องดีที่สุด เป็น Rare Item 2.Pride ทุกรายละเอียดการออกแบบ ตั้งแต่หน้าโครงการ พื้นที่ส่วนกลาง การออกแบบภายนอก (Exterior Design) การออกแบบภายใน (Interior Design) ไปจนถึงทุกวัสดุระดับท็อปที่เลือกใช้ ต้องผสมผสานกันออกมาเป็นการออกแบบที่ทรงคุณค่าเหนือกาลเวลา (Timeless Design) สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ผู้ที่ได้เป็นเจ้าของ และ 3.Privacy มอบความสงบและเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนยูนิตที่ไม่มากนัก

            มาถึงโครงการล่าสุด โครงการบ้านเดี่ยวหรู “มอลตัน เกทส์ กรุงเทพกรีฑา(Malton Gates Krungthep Kreetha) เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เลือกใช้ 3 แกนเดิม และเพิ่มเติมอีก 1 แกนคือ Perfection เสริมทุกรายละเอียดความสมบูรณ์แบบเข้าไปในคอนเซ็ปต์ของบ้าน พร้อมทั้งนำเมกะเทรนด์ Well-Living เข้ามาผสมผสาน ส่งผลให้โครงการมูลค่ากว่า 2,100 ล้านบาทแห่งนี้ มียอดขายสะสมแล้วกว่า 40% แม้ยังไม่ได้เปิดขายอย่างเป็นทางการ

            “กรุงเทพกรีฑาในวันนี้ค่อนข้างเป็นทำเลที่มีการแข่งขันสูงหรือ Red Ocean สำหรับตลาดบ้านหรู มีโครงการบ้านเดี่ยวเปิดตัวใหม่ในย่านนี้ตั้งแต่ราคา 10 กว่าล้าน ไปจนถึง 100 กว่าล้าน แต่วันนี้เราสามารถขายไปได้แล้วกว่า 40% โดยที่เรายังไม่ได้มีบ้านตัวอย่างจริงให้ดู สะท้อนว่าผู้บริโภคเชื่อมั่นในผลงานที่ผ่านมาของเรา ชื่นชอบในทุกคอนเซ็ปต์ของโครงการ ที่สำคัญคือประทับใจในความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนยูนิตเพียง 49 ยูนิต เป็นส่วนตัวที่สุดบนเส้นกรุงเทพกรีฑา”

            เพชรลดาย้ำว่า วันนี้ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ยังเปิดไพ่ของโครงการมอลตัน เกทส์ กรุงเทพกรีฑายังไม่หมด โดยเร็วๆ นี้จะมีการเปิดตัวพันธมิตรที่มาร่วมเติมเต็มองค์ประกอบของ The Gates to Well-Living และร่วมพลิกนิยามของ “New Luxury” เพิ่มเติม ขณะที่ผู้สนใจรายละเอียดโครงการ ยังสามารถลงทะเบียนนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ www.major.co.th/th/project/maltongates-krungthepkreetha

            ทั้งนี้ บริษัท ยังมีแผนจะบุกตลาดบ้านจัดสรรในระดับลักซูรีอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าตามแผนการปรับสัดส่วนโครงการบ้านจัดสรรให้เพิ่มขึ้นเป็น 40% ของพอร์ตฟอลิโอ โดยปัจจุบันมีที่ดินรอการพัฒนา (Land Bank) อยู่แล้วจำนวน 4 แปลง คาดว่าจะทยอยเปิดตัวในช่วงต้นปี 2566

           สำหรับโครงการมอลตัน เกทส์ กรุงเทพกรีฑา เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับ Luxury Wellness Residence สไตล์ Modern Classic สูง 3 ชั้น มูลค่าโครงการกว่า 2,100 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 21 ไร่ มอบความเป็นส่วนตัวให้ผู้อยู่อาศัยด้วยจำนวนจำกัดเพียง 49 ยูนิต ราคา 38-80 ล้านบาท มีให้เลือกถึง 3 สไตล์ ได้แก่ 1.SMITHSON ขนาด 71-ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 403 ตร.ม. ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำรับแขก (Powder room) ห้องแม่บ้าน พร้อมลิฟท์ส่วนตัว และ 3 ช่องจอดรถ  2.MIDDLETON ขนาด 90-108 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 448 ตร.ม. ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำรับแขก ห้องแม่บ้าน พร้อมมีลิฟท์ส่วนตัว และ 4 ช่องจอดรถ 3.LIVINGSTON ขนาดเนื้อที่ 102-137 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 544 ตร.ม. ประกอบด้วย 5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำรับแขก 2 ห้องแม่บ้าน และ 5 ช่องจอดรถ