ดีป้าคาดอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยสามารถขยายตัวต่อเนื่องถึงปี 2568

i & Tech

ดีป้าเผยผลสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย ประจำปี 2565 และคาดการณ์แนวโน้ม 3 ปี ระบุภาพรวมอุตสาหกรรมปี 2565 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 40,518 ล้านบาท เติบโตลดลง 4%  จากการหดตัวของอุตสาหกรรมเกม แต่คาดว่าจะสามารถเติบโตต่อเนื่องแตะระดับ 44,983 ล้านบาทในปี 2568  

               วันนี้ (13 กันยายน 2566)   สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ร่วมกับ สมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย (DCAT) สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชันและคอมพิวเตอร์กราฟิกไทย (TACGA) สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมไทย (TGA) สมาคมธุรกิจบางกอกเอซีเอ็มซิกกราฟ (Bangkok ACM SIGGRAPH) และ บริษัท แอทไวส คอนซัลติ้ง จำกัด แถลงผลสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย (เกม แอนิเมชัน คาแรคเตอร์) ประจำปี 2565 และคาดการณ์แนวโน้ม 3 ปี พร้อมกันนี้ยังได้เริ่มดำเนินการสำรวจข้อมูลอุตสาหกรรมหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งนับเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ด้วย

              ดร.กษิติธร ภูภราดัย รองผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มงานยุทธศาสตร์และความมั่นคง ดีป้า เปิดเผยว่า มูลค่ารวมอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ปี 2565 มีอัตราการเติบโตลดลงเฉลี่ย 4% โดยเป็นผลมาจากการหดตัวของอุตสาหกรรมเกมที่เป็นหัวหอกสำคัญของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 85% ของมูลค่ารวมของภาคอุตสาหกรรมที่ 40,518 ล้านบาท อย่างไรก็ตามมีการประเมินว่า อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์จะสามารถเติบโตต่อเนื่อง โดยมูลค่ารวมจะขยายตัวไปถึง 44,983 ล้านบาทภายในปี 2568

              ดร.กษิติธร กล่าวว่า อุตสาหกรรมเกมปี 2565 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 34,556 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตลดลง 7% ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนผู้เล่นที่ลดลง เช่นเดียวกับเวลาที่ใช้ในการเล่น เพราะสถานการณ์การใช้ชีวิตของผู้คนกลับสู่ภาวะปกติ แต่อุตสาหกรรมเกมยังมีโอกาสเติบโต เพราะนอกจากการพัฒนาคุณภาพและประสบการณ์ใหม่แก่ผู้เล่นแล้ว ยังมีการพัฒนาเกมเพื่อให้สามารถลงทุนและสร้างรายได้ได้ในรูปแบบของ GameFi หรือ Game NFT ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะดึงดูดผู้เล่นและผู้ประกอบการจากอุตสาหกรรมอื่นเข้ามาในอุตสาหกรรมเกมเพิ่มขึ้น

              นอกจากนี้ อุตสาหกรรมเกมยังได้รับแรงสนับสนุนสำคัญจากเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้ประสบการณ์การเล่นเกมดีขึ้น ค่านิยมของการเล่นเกมที่เปลี่ยนจากการเล่นเพื่อความสนุกสู่การสร้างอาชีพใหม่ในปัจจุบัน รวมถึงการส่งเสริมจากภาครัฐและภาคเอกชนที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น แต่ในทางกลับกันการขาดแคลนบุคลากรจากกระแสการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เงินลงทุน รวมถึงการเข้าถึงแหล่งทุนของบรรดาผู้ประกอบการยังคงเป็นอุปสรรคที่ฉุดรั้งภาคอุตสาหกรรม

                สำหรับอุตสาหกรรมแอนิเมชันในปีที่ผ่านมามีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 15% มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 3,936 ล้านบาท โดยประเทศไทยถือเป็นแหล่งรับจ้างสำคัญของงาน Animation และ CG/VFX โดยกลุ่มประเทศที่เป็นผู้ว่าจ้างหลักคือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ กลุ่มประเทศจากทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง สิงคโปร์ กัมพูชา เวียดนาม แคนาดา โดยมีมูลค่าการส่งออกในปี 2565 มากถึง 2,610 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 21% ซึ่งจุดแข็งสำคัญที่ทำให้งาน Animation และ CG/VFX ของไทยเป็นที่ยอมรับมาจากบุคลากรที่มีทักษะความเชี่ยวชาญระดับสูง ทั้งด้านเทคนิคและฝีมือ ความคิดสร้างสรรค์ และราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพของงาน

                อุตสาหกรรมคาแรคเตอร์ปี 2565 มีอัตราการเติบโตถึง 26% โดยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 2,025 ล้านบาท เนื่องจากปีก่อนหน้า ผลพวงทางเศรษฐกิจทำให้สภาพคล่องทางการเงินของประชาชนไทยหลายกลุ่มลดลง แต่ในปี 2565 มูลค่าการบริโภคกำลังกลับมาจากปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว และมูลค่าการว่าจ้างมีปริมาณงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการใช้คาแรคเตอร์ในการสื่อสารกับผู้บริโภคมากขึ้น โดยกลุ่มผู้ว่าจ้างส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการในประเทศไทย มีการเช่าลิขสิทธิ์เพื่อนำไปผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น ขณะที่กระแสของสินค้าในกลุ่ม Toy และ Hobby ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาสำคัญของกลุ่มอุตสาหกรรมคาแรคเตอร์คือขาดการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับเรื่องของทรัพย์สินทางปัญญาและลิขสิทธิ์

                ในปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมหนังสืออิเล็กทรอนิกส์มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 3,712 ล้านบาท โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากวิถีชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบันที่เน้นความสะดวกสบายในการใช้งาน สามารถอ่านเนื้อหาที่ต้องการได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่ต้องพกพาหนังสือ อีกทั้งพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่นิยมสร้าง Content มากขึ้น และการเผยแพร่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีทั้งเนื้อหา Web Novel, E-book, E-comic และ Webtoon โดยมูลค่าของการให้บริการรับจ้างผลิตเริ่มเติบโตจากทั้งฝั่งเจ้าของลิขสิทธิ์และตัวแทนจัดจำหน่ายที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งบริการหลักจะเป็นการแปลงไฟล์เนื้อหาให้อยู่ในรูปของไฟล์ E-book

              นอกจากนี้ ในงานแถลงผลสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย ประจำปี 2565 ยังมีช่วงของการเสวนา ซึ่งผู้แทนจากสมาคมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นในประเด็นการผลักดันประเทศไทยเป็นประเทศมหาอำนาจด้านซอฟต์พาวเวอร์ด้วยอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ โดยกล่าวถึงไลฟ์สไตล์และเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบันที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตของดิจิทัลคอนเทนต์ ซึ่งประเทศไทยมีแรงงานที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาดิจิทัลคอนเทนต์อยู่มาก แต่ยังต้องการโอกาสในการยกระดับฝีมือให้เทียบเท่าระดับสากล หากได้รับการส่งเสริมอย่างทั่วถึงจะสามารถนำซอฟต์พาวเวอร์ของไทยมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ดีป้า และพันธมิตรพร้อมที่จะผลักดันผ่านการกำหนดทิศทางและนโยบายให้สอดคล้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลของรัฐบาลในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป

              “ดีป้า และหน่วยร่วมดำเนินการทั้งหมดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผลสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ปี 2565 และคาดการณ์แนวโน้ม 3 ปีจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาตัดสินใจวางแผนธุรกิจ รับมือกับการเปลี่ยนแปลงจากสถานการณ์ภายในและภายนอกประเทศ รวมถึงการปรับตัวเพื่อหาโอกาสทางเศรษฐกิจจากเทคโนโลยีใหม่ โดยการนำแนวคิดซอฟต์พาวเวอร์มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับบริบทของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ของไทย อีกทั้งใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดนโยบายและทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลของรัฐบาลในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ” รองผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว