เทรนด์เทคโนโลยีด้าน Digital Transformation ที่ช่วยให้องค์กรก้าวสู่โลกดิจิทัลได้สำเร็จ

i & Tech

               ยุคเทคโนโลยีดิจิทัลนั้นเป็นยุคที่มีส่วนช่วยให้ผู้คนสามารถใช้มีชีวิตได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างเช่น การเดินทางที่สามารถตรวจสอบเส้นทางก่อนออกเดินทางได้บน application หรือการพัฒนาองค์กรและประเทศให้มีความทันสมัยขึ้น ซึ่งการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในแง่มุมต่างๆนั้น ภาครัฐและภาคเอกชนล้วนเป็นตัวกลางสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนและสนับสนุนเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีที่สุด  

                จากงาน “ Digital Transformation Summit ” ที่จัดขึ้นโดย สมาคมซีไอโอไทย (TCIOA)  ในหัวข้อ  “ Technology trend for digital transformation” โดยตัวแทนภาคเอกชน ดร.ลิสา พัทธ์วิวัฒน์ศิริ รองผู้จัดการใหญ่ด้านปฏิบัติการและเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ไทยกรุ๊ป โฮสดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ คุณฉัตรชัย สุทธภักติ   Chief Technology officer at Icon Framework Co. ltd   ซึ่ง  OPEN-TEC ศูนย์รวมองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี (Tech Knowledge Sharing Platform) ภายใต้การดูแลของ TCC TECHNOLOGY GROUP   ได้หยิบยกมุมมองและประสบการณ์เกี่ยวกับเทรนด์และแนวทางการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในยุคปัจจุบัน จากงานดังกล่าวมานำเสนอ

                โดย ดร. ลิสา  ได้กล่าวถึง องค์ประกอบหลักที่จะช่วยให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงช่วง digital transformation อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จไว้ 4 หลัก ได้แก่

                1. People  คนนับเป็นส่วนสำคัญอันดับต้นในการขับเคลื่อนยุค Digital transformation ทุกองค์กรจึงจำเป็นที่จะต้องคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานให้ตรงตามความสามารถของแต่ละบุคคล

                2. Process ทุกองค์กรจำเป็นต้องศึกษากระบวนการต่างๆของเทคโนโลยีดิจิทัลให้ละเอียดถี่ถ้วน เพื่อพัฒนาและประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม

                3. Technology ในแต่ละองค์กรจะมีความจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกเทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสมกับองค์กรจึงเป็นสิ่งสำคัญ

                4. Data จัดสรรข้อมูลที่มีอยู่ เพื่อนำมาปรับใช้กับองค์กรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

               ในขณะที่ คุณฉัตรชัย   ได้กล่าวถึงเทรนด์เทคโนโลยีดิจิทัลในยุคปัจจุบันที่ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง โดยมีชื่อเรียกว่า “Low-code technology” ซึ่งเป็น Cloud-based solution ที่ผู้ให้บริการสามารถสร้าง Application ขึ้นมาเองได้  โดยที่กลุ่มลูกค้าที่สนใจนั้นจะสามารถเลือกใช้งานในรูปแบบสมาชิกรายเดือนหรือรายปี (Subscription) ได้ตามความต้องการ ซึ่งข้อดีของเทคโนโลยีดิจิทัลตัวนี้ จะช่วยลดระยะเวลาในการดำเนินการ เพิ่มความรวดเร็ว อีกทั้งยังมีระบบ Artificial Intelligence (AI) ที่คอยตรวจจับความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น ส่งผลให้การทำงานง่ายขึ้น นอกจากนี้ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) และ ความปลอดภัย (Security) ได้มีการนำ Cloud และระบบความปลอดภัยจากบริษัทระดับโลกเข้ามาใช้ ส่งผลให้เทคโนโลยีดิจิทัลนี้มีความปลอดภัยและมาตรฐานที่สูง

                นอกจากนี้ คุณฉัตรชัย ยังได้กล่าวถึงแนวทางและผลลัพธ์ที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์การทำงานตลอดระยะเวลา 10 ปี ในด้าน Digital transformation ไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้

                1. To increase speed of business operation การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อให้การดำเนินงานขององค์กรเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และสามารถลดจำนวนพนักงานในการดำเนินการ

                2. To improve customer experience การนำเสนอเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่เพื่อเพิ่มประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้า

                3. To provide data intelligence การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยรวบรวมข้อมูลทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อกระจายข่าวสารในองค์กรได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว

                4. To enable new business model การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ จะช่วยเสริมฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งส่งผลต่อการขยายธุรกิจต่อในอนาคต

                นอกจากนี้ ภายในงานดังกล่าวดร.อนุชิต อนุชิตานุกูล  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ มาแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในภาคส่วนต่างๆ ภายใต้หัวข้อ “What makes successful digital transformation?”    โดย ดร.อนุชิต  กล่าวว่า หากมองในภาครวมของประเทศ การก้าวเข้าสู่ Digital transformation ภาครัฐมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามามีบทบาทในการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล (Digital infrastructure) เพื่อจุดมุ่งหมายในการเชื่อมต่อข้อมูลดิจิทัลจากภาคส่วนต่างๆเข้าด้วยกัน ซึ่งหากเรามีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ก็จะช่วยสนับสนุนองค์กรให้สามารถพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดดและลดต้นทุนในการจัดระเบียบด้านข้อมูลดิจิทัล 

               ซึ่งดร.อนุชิต ได้ยกตัวอย่างเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีศึกษาของร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น ว่า ร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่นมีนโยบายติดตั้งเครื่องจำหน่ายสินค้าตามสถานที่ต่างๆ เช่น คอนโดมิเนียม เป็นต้น เมื่อลูกค้าต้องการซื้อสินค้า ลูกค้าจะสามารถสแกน QR code และเลือกชำระผ่านช่องทางธนาคารที่ลูกค้าสะดวกได้ทันที โดยที่ร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่นไม่จำเป็นต้องเข้าไปเจรจากับทุกธนาคารในการทำธุรกรรมการเงิน หากแต่เป็นการดำเนินการผ่านโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล (Digital infrastructure) ที่ภาครัฐได้ทำการเชื่อมต่อข้อมูลต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว

                ในตอนท้าย ดร.ลิสา, คุณฉัตรชัย และดร.อนุชิต ได้ฝากแง่คิดที่คล้ายคลึงกันเกี่ยวกับ Digital Transformation ไว้ว่า เทคโนโลยีดิจิทัลได้กลายเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรและประเทศให้ก้าวหน้าได้อย่างก้าวกระโดด อีกทั้งยังสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอีกด้วย