บพข.โชว์เคท “สถาบันสิ่งทอ ฯ- แสงเจริญแกรนด์” ทุนนวัตกรรมสร้าง IDE ตอบโจทย์อุตสาหกรรมสิ่งทอ

Cover Story

               จากเป้าหมายของหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) โดย “ แผนงานพัฒนาและส่งเสริมให้ประเทศเพิ่มธุรกิจฐานนวัตกรรม  (Innovation driven enterprises : IDEs )ขนาดใหญ่” หรือแผนงาน IDE ที่มุ่งมั่นในการยกระดับขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการธุรกิจดั้งเดิมในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ด้วยการนำ “นวัตกรรม” มาใช้ในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตแบบก้าวกระโดด สร้างรายได้ทะลุ 1000 ล้าน   เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้หลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ตามแผนยุทธศาสตร์ของประเทศ

               ทั้งนี้กลไกการให้ทุนของ “แผนงาน IDE” ที่ผ่านคนกลางหรือ “ Intermediary” ไปยังผู้ประกอบการ ถือว่าเป็นมิติใหม่ของการให้ทุนนวัตกรรมของ บพข.  เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น   วันนี้…จะพาไปรู้จักกับ Intermediary รุ่นแรกที่เข้าร่วมในโครงการ อย่าง “ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ”  ที่มาพร้อมกับผู้ประกอบการ “บริษัทแสงเจริญแกรนด์ จำกัด”   ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านผ้ารีไซเคิล และสิ่งทอยั่งยืนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  

               นางสุดา  ยังให้ผล  ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาอุตสาหกรรม สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ  เปิดเผยว่า โจทย์ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่ง ที่ทางสถาบัน ฯ กำลังขับเคลื่อนอยู่ ก็คือเรื่องของ “นวัตกรรม” ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งทอให้ความสนใจ แต่ยังติดกับปัญหาต่าง ๆ อย่างเช่น  ใครจะเป็นผู้นำที่ทำให้สามารถนำนวัตกรรมไปใช้ได้   หรืออยากทำนวัตกรรมแต่ไม่รู้จะเลือกอย่างไร    และเมื่ออยากทำนวัตกรรมแล้วงบประมาณในการวิจัยและพัฒนาจะมาจากที่ไหน  ซึ่งหากให้ผู้ประกอบการไปของบจากภาครัฐเองแล้วส่วนใหญ่มองว่าค่อนข้างยาก เพราะขั้นตอนต่าง ๆ มีความซับซ้อน

               “ แผนงาน IDE ของ บพข. ได้เข้ามาตอบโจทย์ดังกล่าว  ซึ่งต้องขอบคุณ บพข.ที่ให้โอกาส สถาบันฯ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ที่เรียกว่าตัวกลาง (Intermediary) หรือเป็นโค้ชให้กับบริษัทแสงเจริญแกรนด์ รวมถึงบริษัทต่าง ๆ ที่เป็นเครือข่ายที่สถาบัน ฯจะไปช่วยเหลือ  โดยสถาบัน ฯ  เข้าไปช่วยตั้งแต่กระบวนการวางแผนธุรกิจ กลยุทธ์ธุรกิจที่จะต้องเริ่มต้นหรือปรับทบทวน  กระบวนการสร้างนวัตกรรมตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การผลิต การตลาด รวมถึงการปรับโครงสร้างองค์กรที่จะช่วยยกระดับธุรกิจให้สามารถบรรลุแนวทางหรือเป้าหมายที่กำหนดไว้ คือการสร้างรายได้ให้เติบโตสูงขึ้น 20 % ใน 3 ปี ”

               นางสุดา   กล่าวว่า  สถาบันฯ เข้าร่วมโครงการตั้งแต่รุ่นแรกในปีงบประมาณ 2566  ซึ่งมีการคัดเลือกในเบื้องต้นและดูแลจัดการเตรียมความพร้อมให้กับแต่ละบริษัทที่มีศักยภาพ   ทั้งนี้ในรุ่นแรก มีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 5 ราย โดยเน้นที่ความหลากหลายของอุตสาหกรรม และตอบโจทย์อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S Curve) รวมถึงด้านความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งถือว่าเป็นตัวนำร่องให้เห็นภาพการสนับสนุนที่ชัดเจนขึ้น และทำให้ในปีงบประมาณ 2567 มีผู้ประกอบการให้ความสนใจ มาต่อคิวรอ โดยรุ่นที่ 2 นี้ สถาบันฯ ได้ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการไปแล้วจำนวน 5 ราย ส่วนรุ่นที่ 3 ปีงบประมาณ 2568 ที่กำลังจะเปิดรับสมัครช่วงกลางปีนี้  ก็มีผู้ประกอบการให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

               “ การไปร่วมโครงการกับ บพข.ในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่ได้ประโยชน์มาก ทั้งเป็นประโยชน์ต่อสถาบันฯ ซึ่งเป็นตัวกลาง ที่จะได้พัฒนาศักยภาพให้เข้มแข็ง สามารถสร้างเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูงเหมือนกับในต่างประเทศ มีเครือข่ายและขยายการให้บริการสู่กลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ นอกจากสิ่งทอ  ซึ่งจะสามารถไปช่วยเหลือผู้ประกอบการต่าง ๆ  ได้มากขึ้น”

               ด้านนายจิรโรจน์ พจนาวราพันธุ์  กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงเจริญแกรนด์ จำกัด   กล่าวถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมสิ่งทอและแฟชั่นในประเทศไทย ว่า  ที่ผ่านมายังเป็นอุตสาหกรรมที่เน้นการผลิตจำนวนมาก ปัจจุบันจึงมีปัญหาเรื่องต้นทุนในการแข่งขัน ทั้งค่าแรงงานที่สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านที่มีการพัฒนาฝีมือแรงงานจนมีฝีมือเทียบเท่า  ขณะเดียวกันก็ประสบกับปัญหาค่าไฟที่สูงขึ้นจากเดิม  ทำให้โรงงานที่เน้นการผลิตและใช้แรงงานคนจำนวนมาก ต้องปรับตัวในการแข่งขัน และใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม มาช่วยในการเพิ่มขีดความสามารถมากขึ้น ซึ่งสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ มีองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่  ๆ รวมถึงมีห้องปฏิบัติการทดสอบต่าง ๆ  สามารถตอบโจทย์นี้ได้   ทำให้แสงเจริญแกรนด์ ได้เข้ามาคุยกับทางสถาบันฯ  และเข้าร่วมโครงการฯ ในแผนงาน IDE ของ บพข.  ตั้งแต่เริ่มแรก   

            “ สถาบันฯ จะเชี่ยวชาญในด้านนวัตกรรม และเชี่ยวชาญในด้านสิ่งทอต่าง ๆ  ขณะที่ แสงเจริญแกรนด์ ทำโรงงาน ทำให้อาจจะเห็นด้านเดียวมาตลอด  การเข้ามาคุยกับสถาบันฯ ในเรื่องนวัตกรรมต่าง ๆ ก็เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่เราขาด”

              นายจิรโรจน์   บอกอีกว่า  สิ่งที่ได้รับจากทางโครงการฯ ไม่ใช่แค่เรื่องของนวัตกรรมที่ทางสถาบันฯมาเป็นที่ปรึกษาหรือช่วยแนะนำ  แต่ยังมีการให้คำปรึกษาและบ่มเพาะในเรื่องอื่น ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตลาดหลักทรัพย์หรือความรู้ที่เป็นเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต   ซึ่งต้องขอบคุณ บพข.และสถาบันฯ  ที่ให้โอกาส แม้ว่าบริษัทจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนอยู่แล้ว การมีที่ปรึกษามาช่วยแนะนำ ช่วยกำหนดกลยุทธ์ที่จะเดินไปข้างหน้านี้  เป็นเหมือนเป็นการ Grooming ให้เราชัดเจนมากขึ้นและแข็งแรงขึ้นในการที่จะเดินหน้าต่อไป

               สำหรับแสงเจริญแกรนด์   เป็นโรงงานผลิตผ้ารีไซเคิล ที่นำของเสียจากอุตสาหกรรมสิ่งทอ หรือของเหลือใช้จากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมแฟชั่น อย่างเช่น เส้นด้ายจากโรงงานทอผ้า  เศษผ้าจากโรงงานตัดเย็บ หรือเสื้อผ้าเก่า  โดยนำของเหล่านั้น มาคัดแยกเฉดสี แล้วรีไซเคิลเป็นไฟเบอร์ใหม่ ปั่นทอเป็นเส้นด้ายเพื่อผลิตเป็นผ้าใหม่หรือเสื้อผ้าใหม่ 

               “ โรงงานเปิดมาแล้วกว่า 50 ปี โดยรุ่นแรกที่เป็นการซื้อขายเศษด้ายเศษผ้า แบบซื้อมา-ขายไป รุ่นสองนำเศษด้ายเศษผ้า มาแปรสภาพเป็นเส้นด้าย  สำหรับทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตจำนวนมาก เช่น การทอผ้าห่มที่ใช้ตามต่างจังหวัดหรือการทอเส้นด้ายที่เอาไปทำม็อบถูพื้น   และรุ่นที่ 3 ที่ในช่วงปี 2563 ที่เราเห็นโอกาสเกี่ยวกับเรื่องความยั่งยืนหรือ Sustainability  ซึ่งแสงเจริญแกรนด์ ดำเนินธุรกิจโดยใช้ textile waste มาตลอด จึงมีการศึกษา วิจัยและปรับใช้เทคโนโลยีในการต่อยอดการทำเป็นผ้ารีไซเคิล  มีการสร้างแบรนด์และให้บริการนำเสื้อผ้าเครื่องแบบเก่าขององค์กรมารีไซเคิลเป็นเสื้อผ้าใหม่   ”  

               สำหรับจุดแข็งของแสงเจริญแกรนด์   นายจิรโรจน์   บอกว่า  ไม่ว่า  Waste ของสิ่งทอจะเป็นแบบไหน  ก็สามารถที่จะปรับเครื่องจักรบางอย่าง เพื่อทำให้กลายเป็นไฟเบอร์หรือเส้นด้ายที่เหมาะกับการทอผ้าชนิดต่างๆ ได้  ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ  และมีการต่อยอดสินค้าในรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องแต่งกาย รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ   นอกจากนี้บริษัทยังได้ยกระดับผลิตภัณฑ์ด้วยการได้รับมาตรฐานการรีไซเคิล GRS   ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากลอีกด้วย   

               การที่แสงเจริญแกรนด์ทำเรื่องดังกล่าว ถือเป็นการมองในระยะยาว แม้จะค่อนข้างยาก  แต่ภาพชัดและสามารถทำได้จริง ทำให้เกิดการยอมรับ  

               ซึ่งนายจิรโรจน์   ทายาทรุ่นที่ 3   บอกว่า Vision  ที่ชัดเจนของแสงเจริญแกรนด์ ก็คือ การเป็น  “   Hub of  textile waste  ในอาเซียน ” 

( ขอบคุณภาพจาก https://www.thaitextile.org/ และบริษัทแสงเจริญแกรนด์ จำกัด)