ข้อมูลจาก Transparency International พบว่าในปี 2567 ประเทศไทยมีคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต หรือ CPI 34 คะแนนอยู่ในอันดับ 107 จาก 180 ประเทศทั่วโลก และอยู่ในอันดับ5ของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นว่า ที่ผ่านมาแม้รัฐบาลจะมีความพยายามในการปฏิรูประบบราชการในหลายด้าน แต่ยังต้องเผชิญกับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะการคอร์รัปชั่น การให้หรือรับสินบน เป็นปัญหาที่ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ ทั้งมิติของสังคม เศรษฐกิจและการเมือง รวมถึงภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นต่อสายตาของประชาคมโลก ซึ่งมีผลต่อการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
จากปัญหาดังกล่าว ฯ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) ได้ให้ทุนสนับสนุนการวิจัย ปีงบประมาณ 2567 ในแผนงาน “การพัฒนาระบบบริการภาครัฐ รูปแบบดิจิทัลและช่องทางพิเศษแบบเร่งด่วน (Fast Track) เพื่อแก้ไขปัญหาการรับสินบนและยกระดับค่าคะแนน CPI” โดยมี ผศ. พ.ต.อ. ดร. ธิติ มหาเจริญ รองคณบดี คณะนิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นผู้บริหารแผนงาน ฯ

ทั้งนี้ในแผนงานดังกล่าวประกอบด้วย 3 โครงการวิจัยย่อย คือ 1.โครงการวิจัยเรื่อง “นโยบายสาธารณะของการบริการภาครัฐรูปแบบดิจิทัลและช่องทางพิเศษแบบเร่งด่วน(Fast Track) เพื่อแก้ไขปัญหาการรับสินบนและยกระดับค่าคะแนน CPI” โดยมี ศาสตราจารย์ พลตำรวจตรี ดร.ชัชนันท์ ลีระเติมพงษ์ รองผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นหัวหน้าโครงการ
2.โครงการวิจัยเรื่อง “การพัฒนาแนวทางในการให้บริการภาครัฐรูปแบบดิจิทัล และและช่องทางพิเศษแบบเร่งด่วน(Fast Track)” โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พันตำรวจเอก ดร. ธิติ มหาเจริญ รองคณบดี คณะนิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นหัวหน้าโครงการ
และ 3.โครงการวิจัยเรื่อง “การพัฒนาองค์กรต้นแบบด้านการบริการภาครัฐด้วยรูปแบบดิจิทัลและช่องทางพิเศษแบบเร่งด่วน(Fast Track)” โดยมีพันตำรวจโท ดร.ปริญญา ลีลานันท์ จากคณะนิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นหัวหน้าโครงการ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พันตำรวจเอก ดร. ธิติ มหาเจริญ ผู้บริหารแผนงาน ฯ กล่าวว่า แผนงาน ฯ มีเป้าหมายหลักในการจัดทำแนวทางบริการภาครัฐที่สำคัญ (Priority List) และสร้างองค์กรต้นแบบด้านบริการภาครัฐรูปแบบดิจิทัลและช่องทางพิเศษแบบเร่งด่วน หรือ Fast Track” เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและผู้ประกอบการให้ได้รับบริการที่สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือการลดช่องว่างและลดโอกาสในการเรียกรับเงินใต้โต๊ะ หรือสินบนจากการให้บริการของเจ้าหน้าที่รัฐ
โดยมุ่งเน้น การพัฒนา “ระบบบริการภาครัฐดิจิทัลและช่องทางพิเศษแบบเร่งด่วน หรือ Fast Track ”อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีขั้นตอนและกรอบปฏิบัติที่ชัดเจน ตรวจสอบย้อนกลับได้ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่มีความจำเป็นเร่งด่วน แต่ภาครัฐนั้นๆ ยังต้องคงไว้ซึ่งมาตรฐานการบริการที่ดีในช่องทางปกติ เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการให้บริการ
ผลการดำเนินงานในแผนงานดังกล่าว ได้มีการสรุปข้อเสนอเชิงนโยบายสาธารณะเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการภาครัฐ จำนวน 3 นโยบายคือ 1. การพัฒนาประสิทธิภาพการพิจารณาอนุมัติ อนุญาตในการให้บริการประชาชนให้เกิดประโยชน์เชิงเศรษฐกิจและเพิ่มประสิทธิภาพการบริการงานภาครัฐ เช่น การเพิ่มอายุ ใบอนุญาต และเปลี่ยนรูปแบบใบอนุญาตให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล การลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นและการกำหนดให้มีระบบใบอนุญาตหลัก เพื่อใช้แทนการขอใบอนุญาตจากหลายหน่วยงาน
2. การพัฒนาทางเลือกในการพิจารณาอนุมัติอนุญาตในการให้บริการประชาชนที่มีความหลากหลาย โดยลดข้อจำกัดกระบวนการต่างและทำระบบช่องทางพิเศษรวมถึงให้บริการเคลื่อนที่ และ 3. การพัฒนาแบบฟอร์มและเอกสารพร้อมระบบการให้บริการออนไลน์ ซึ่งจำเป็นต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน ลดการใช้เอกสารซ้ำซ้อน และมีแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สามารถใช้ยื่นคำขอ ตรวจสอบ สถานะการดำเนินการ และชำระค่าธรรมเนียมได้
นอกจากนี้ในแผนงานวิจัยนี้ ได้มีการจัดทำคู่มือปฏิบัติงานในการนำระบบ Fast Track ไปใช้จริงพร้อมโมเดลต้นแบบที่สามารถปรับใช้ได้กับบริบทในแต่ละพื้นที่ พร้อมทั้งมีการพัฒนาแพลตฟอร์มในการให้บริการประชาชนและผู้ประกอบการในรูปแบบของ Web Based Application ที่ใช้ชื่อว่า “ GFOS” โดยนำกระบวนการการดำเนินการต่าง ๆ เข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e- Service ในทุกขั้นตอนแบบ end to end เพื่อลดปัญหาการเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับผู้ใช้บริการ

สำหรับ “ GFOS” เป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับให้บริการประชาชนและภาคธุรกิจที่รวดเร็ว สะดวก ถูกต้อง และโปร่งใส ซึ่งผู้รับบริการสามารถเข้าถึงการใช้งานระบบได้ผ่านเว็บไซต์ https://www.gfosthai.com
ปัจจุบันระบบฯ ออกแบบให้สามารถใช้งานยื่นคำขออนุมัติ อนุญาตใน 2 ฝ่ายงาน คือ ฝ่ายโยธา และฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล โดยมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่สำคัญ เช่น การแจ้งเตือนการยื่นคำขอของผู้รับบริการผ่านไลน์ของหน่วยงาน ผู้รับบริการสามารถเลือกรับบริการในรูปแบบปกติหรือช่องทางพิเศษแบบเร่งด่วน มีระบบคิวนัดหมายการลงพื้นที่ตรวจสอบ มีระบบการแจ้งเตือนทางอีเมล์ไปยังผู้ยื่นคำขอ เพื่อแจ้งเตือนสถานะของการดำเนินการ มีระบบตรวจสอบสถานะการดำเนินการ การรับรองการออกใบอนุญาต การออกใบเสร็จ และมีช่องทางขอรับการปรึกษาจากหน้าหน้าที่ของหน่วยงาน
อย่างไรก็ดี คณะผู้วิจัยเสนอให้รัฐบาลประกาศนโยบาย “Digital Fast Track” เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมผลักดันให้ระบบบริการภาครัฐผ่านช่องทางพิเศษแบบเร่งด่วน เป็นเกณฑ์สำคัญในการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ หรือ ITA เพื่อให้บริการแบบ “Fast Track” ไม่ใช่แค่ “ทางเลือกเสริม” ที่มีเฉพาะบางหน่วยงาน แต่เป็นแนวทางมาตรฐานที่ทุกหน่วยงานต้องถือปฏิบัติอย่างเป็นระบบ โดยในระยะแรกอาจนำร่องในภารกิจหรือกระบวนงานที่มีการติดต่อกับประชาชนโดยตรงสูง มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก และมีความเสี่ยงต่อการทุจริต เมื่อเกิดผลสำเร็จจากกระบวนการนำร่องแล้ว จึงขยายผลไปยังกระบวนงานอื่น ๆ ต่อไป
สำหรับ..หน่วยงานที่สนใจอยากใช้ระบบ “ GFOS” ผู้พัฒนา ฯ บอกว่าสามารถนำไปใช้ได้ฟรี ! พร้อมให้ความแนะนำ แถมให้นำไปต่อยอดเป็นระบบของหน่วยงานได้อีกด้วย!