สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศ เตรียมจัด “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568” หรือ “Thailand Research Expo 2025 ”

ซึ่งงานนี้เป็น “เวทีระดับชาติในการนำเสนอความก้าวหน้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรมของไทย” ที่จัดอย่างต่อเนื่องและพัฒนารูปแบบกิจกรรมมาจนถึงปีที่ 20 หรือ “ 2 ทศวรรษ มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ”

“ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง” ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ซึ่งมีบทบาทในการผลักดันและเติบโตมาพร้อมกับการจัดงานดังกล่าว บอกว่า สิ่งสำคัญที่ได้จากการจัดงานมาจนถึงปีที 20 นี้ก็คือความเข้มแข็งของประชาคมวิจัย ที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยมาจากทุกหน่วยงานในระบบวิจัย ทั้งในภาครัฐ สถาบันการศึกษาและภาคเอกชน
และเป็นความคาดหวังของ วช. ตั้งแต่ริเริ่มการจัดกิจกรรม ครั้งแรกในปี 2549 ที่จะให้ “ มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ เป็น งานของทุกคนในระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.)”ที่จะได้นำผลงานที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ เป็นงานวิจัยและนวัตกรรมของนักวิจัยไทยที่ได้มีการสะสมองค์ความรู้ ทั้งเรื่องของเทคโนโลยี ความพร้อมของตัวชุดข้อมูล และระบบต่างๆ ที่เป็นความสำเร็จของการทำงานมานำเสนอ
ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้เห็นถึงโอกาสและความสามารถของนักวิจัยไทย ที่สอดคล้องกับความเข้มแข็งของประเทศ เช่น เกษตรสมัยใหม่หรือในสถานการณ์ที่มีความจำเป็นในเรื่องของการดูแลสุขภาวะของประชาชน รวมถึงเรื่องของสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และพลังงานในมิติต่าง ๆ ปัจจุบันหน่วยงานที่เข้าร่วมงานไม่ได้จำกัดอยู่แค่นักวิจัย หรือสถาบันวิจัยเท่านั้น แต่ วช. ยังได้ส่งต่อความสำเร็จตั้งแต่ระดับเยาวชน และได้เห็นถึงความหลายหลากของผู้เข้าเยี่ยมชม มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ทำให้เห็นภาพของ “พลังงานวิจัยและการนำไปใช้ประโยชน์”
สำหรับการจัดงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568 ในปีนี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึง “งานวิจัยเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคน” โดยเปิดโอกาสเพื่อให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วม และได้รับประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งจากการผนวกความร่วมมือระหว่างองค์กรเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศ ในปีนี้จึงมีหน่วยงานเข้าร่วมกว่า 200 แห่ง มีภาคการประชุมกว่า 150 หัวข้อ และรวบรวมผลงานกว่า 1,000 ผลงาน มาจัดแสดง ครอบคลุมการใช้ประโยชน์ในมิติต่างๆ ภายใต้ 6 ธีมหลัก คือ งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสร้างพลังสร้างสรรค์ Soft Power ของประเทศ งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมและการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อยกระดับสังคมอย่างยั่งยืน งานวิจัยและนวัตกรรมสร้างสมดุลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมศักยภาพวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME)

“ มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติในปีนี้ เราไม่ได้มองเฉพาะการทำงานในระบบววน.หรือภาคระบบวิจัยและนวัตกรรมเท่านั้น แต่กระทรวง อว. โดย นางสาวศุภมาส อิสรภักดี รมว.อว. ยังให้ความสำคัญในการทำงานกับทุกภาคส่วน ทิศทางของการทำงานในธีมหลักของงานปีนี้จึงเป็น “Research for All เชื่อมต่ออนาคตไทยด้วยวิจัยและนวัตกรรม” รวมถึงยังมีธีมสำคัญๆ ในหลายๆ เรื่อง ”

สำหรับผลงานวิจัยและนวัตกรรมจากเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศ ที่นำมาจัดแสดงในงาน ฯ มีผลงานที่น่าสนใจจำนวนมาก เช่น การจัดแสดงอุปกรณ์ตรวจวัดสภาพอากาศ ที่จะร่วมติดตั้งไปกับยานสำรวจอวกาศ ฉางเอ๋อ สำหรับสำรวจสภาพอวกาศโดยรอบดวงจันทร์ ภายใต้โครงการสถานีวิจัยนานาชาติบนดวงจันทร์ (ILRS) จากสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือ สดร.

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย หรือ วว. นำเสนอ นวัตกรรมกลุ่มจุลินทรีย์ “BioD I วว.” ย่อยสลายตอซังและฟางข้าวอย่างยั่งยืน โดยทำให้ตอซังและฟางข้าวนิ่มลง ไถกลบได้ง่ายภายใน 5-10 วัน เพิ่มปริมาณธาตุอาหารหลักในดิน และเป็นมิตรต่อระบบนิเวศอย่างเป็นรูปธรรม ปัจจุบันนำไปใช้ด้านการเกษตรผ่านกลุ่มเป้าหมาย คือ เกษตรกรในพื้นที่ 7 อำเภอของจังหวัดปทุมธานี
ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. นำเสนอ ระบบตรวจจับและป้องกันท่าทางเสี่ยงและการหกล้ม อัจฉริยะ โดยเป็นเทคโนโลยีแบบสวมใส่สำหรับผู้สูงอายุพร้อมแอพพลิเคชันในชีวิตประจำวัน ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการ ทำงานและการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างมีคุณภาพ

ขณะที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งเห็นความสำคัญเกี่ยวกับการแพ้ยารุนแรงของผู้ป่วย นำเสนอ“ผูกพันธุ์” แพลตฟอร์มดิจิทัลรายงานผลการตรวจทางพันธุกรรม เพื่อรายงานผลการตรวจพันธุกรรมของผู้ป่วย และประเมินโอกาสที่จะเกิดการแพ้ยารุนแรงของผู้ป่วย ทำให้แพทย์ผู้รักษาสามารถเลือกใช้ยาหรือปรับขนาดยาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยและทำให้ผู้ป่วยปลอดภัยจากการแพ้ยา

ด้านกรมปศุสัตว์ พัฒนาสายพันธุ์หมูดำ ด้วยเทคโนโลยีจีโนมและเครื่องหมายพันธุกรรม โดยนำไปใช้ประโยชน์ในเกษตรกรรายย่อยเกษตรกรหมูหลุมและเกษตรกรชาวเขาบนพื้นที่สูงเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางอาหาร สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (สซ.) พัฒนา เครื่องสังเคราะห์กราฟินสู่ฃการนำไปใช้ ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) นำเสนอรูปแบบการจัดการน้ำเสียจากการแปรรูปมะพร้าว อย่างยั่งยืน กรณีศึกษา : อำเภออัมพวา จังหวัด สมุทรสงคราม (อัมพวาโมเดล)

และหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) นำเสนอ นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ที่ใส่ใจสุขภาพ ด้วยนวัตกรรมที่ยั่งยืน เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารฟังก์ชันจากผลกล้วยไข่ในรูปแบบผงกรอกปาก (powder shot) ผลิตอาหารฟังก์ชันลดระดับน้ำตาลในเลือดจากสารสกัดจากผลไม้ได้แก่ พลับ และ มะนาวม่วงหาวมะนาวโห่ และ Bio CRAFT Bio HEPA ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโพรไบโอติกและการทดสอบประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงของกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

ส่วนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จัดแสดงนวัตกรรมรองเท้าอิเล็กทรอนิกส์และระบบต้นแบบสำหรับระบบแพทย์ระยะไกลในผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวและผู้สูงอายุ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พัฒนาแพ็กแบตเตอรี่สมรรถนะสูงสำหรับรถกอล์ฟไฟฟ้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พัฒนาระบบเฝ้าระวังโรคที่เป็นผลกระทบ ทางสุขภาพจากหมอกควัน และการเปลี่ยนแปลงสภาพ อากาศระดับอำเภอและจังหวัดเชียงใหม่ และสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ นำเสนอการต่อยอดชุดมาตรฐานโลหะเงินชุบ ทองคำ สำหรับวิเคราะห์ความหนางานชุบพื้นผิว ด้วยเทคนิค XRF เพื่อประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ภายในงานยังได้มีการนำเสนอนิทรรศการน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนารถบพิตร รัชกาลที่ 9 ผู้ทรงเป็น “พระบิดาแห่งการวิจัยไทย” นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ เจริญพระชนมายุ 70 พรรษา วันที่ 2 เมษายน 2568 นิทรรศการผลงานนวัตกรรมสายอุดมศึกษา, นิทรรศการเครือข่ายวิจัยภูมิภาค นิทรรศการ Research Festival นิทรรศการศาสตร์และศิลป์งานวิจัย และนิทรรศการ Thailand Research Expo & Symposium 2025 และ The National RGJ & RRI Conference 2025

…เห็นพัฒนาการของการจัดกิจกรรมที่เกิดจากความร่วมมือที่หลากหลาย สิ่งที่สำคัญจากการมีเครือข่าย ก็คือ การส่งต่อและผลักดันไปสู่การใช้ประโยชน์ได้จริงอย่างเป็นรูปธรรม…

ดังคำกล่าวของผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติที่ว่า“ประเทศไทยจะก้าวหน้าได้อย่างยั่งยืนต้องมีงานวิจัยที่ “ใช่” เพื่อสังคมและเศรษฐกิจไทย มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568 หรือ Thailand Research Expo 2025 ที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 20 นับเป็น 2 ทศวรรษแห่งความร่วมมือที่กระทรวง อว. โดย วช. พร้อมด้วยหน่วยงานเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศได้ร่วมสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น เพื่อเป็นอีกหนึ่งกลไกที่ทำให้งานวิจัยได้ส่งต่อไปสู่ผู้ใช้ประโยชน์ในวงกว้าง เปลี่ยนองค์ความรู้ให้เป็นพลังพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน”

“มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 – 20 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ เวลา 09.00 – 17.00 น. ผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่ https://researchexporegistration.com