แอลจีชูนวัตกรรม UVnano ดันยอดขายเครื่องปรับอากาศเพื่อสุขภาพ

i & Tech

แอลจีชูกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ UVnano ในเครื่องปรับอากาศ ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่ใบพัดในตัวเครื่อง 99.99 %  ตั้งเป้ายอดขายเครื่องปรับอากาศปีนี้ 140,000 เครื่อง มูลค่า 2,200 ล้าน บาท เติบโตจากปีก่อน 40 %    

             นายอำนาจ  สิงหจันทร์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  แอลจีได้พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับเครื่องปรับอากาศอย่างต่อเนื่อง  ทั้งด้านนวัตกรรมการประหยัดพลังงาน  โดยเป็นแบรนด์แรกที่กล้าประกาศเลิกผลิตเครื่องปรับอากาศที่เป็นระบบออน-ออฟ โดยกล้าที่จะผลิตเครื่องปรับอากาศระบบ อินเวอร์เตอร์อย่างเดียว เพราะประหยัดพลังงานและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม  หลังจากนั้นได้มาเน้นที่ความอัจฉริยะ โดยนำไวไฟมาใส่เครื่องปรับอากาศทำให้สามารถควบคุมการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนได้   และเริ่มมาเน้นด้านดีไซน์  และในปี 2563 เครื่องปรับอากาศของแอลจีได้ขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ โดยมีระบบฟอกอากาศภายในเครื่องปรับอากาศในเครื่องเดียว

            สำหรับในปี 2564 นี้  แอลจีได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่เพื่อสุขภาพอีกครั้ง ด้วยนวัตกรรมUVnano ที่มาพร้อมกับเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน แอลจี ดูอัล คูล รุ่น IPQ และรุ่น IVQ ซึ่งสามารถกำจัดเชื้อโรคที่เกิดจากความชื้น เชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส ที่อาจปะปนอยู่ในอากาศ ภายในตัวเครื่องและใบพัด ได้ถึง 99.99 %  ซึ่งได้รับการรับรองโดย ทียูวี ไรน์แลนด์ (TUV Rheinland) ผู้ให้บริการตรวจสอบอิสระชั้นนำระดับโลก ในประเทศเกาหลีใต้ เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.2564  อีกทั้งยังช่วยป้องกันปัญหาการก่อตัวของเชื้อราและสาเหตุของการเกิดโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจต่างๆ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหวัด และโรคปอดอักเสบ เป็นต้น

            นอกจากนี้เครื่องปรับอากาศภายในบ้าน แอลจี ดูอัล คูล ยังมาพร้อมกับระบบฟอกอากาศ ซึ่งรุ่น IPQ  สามารถตรวจจับและกำจัดฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็กถึง 1.0 ไมครอน (PM1.0) ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าฝุ่น PM2.5 ถึง 2.5 เท่า ส่วนรุ่นไฮไลท์อื่น ๆ ของแอลจี ยังมาพร้อมระบบกรองอากาศ 5 ขั้นตอน รวมถึง Pre-Filter ที่ช่วยดักจับอนุภาคฝุ่นในขั้นตอนแรก และ Auto Cleaning ซึ่งเป็นขั้นตอนการทำความสะอาดภายในตัวเครื่องโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อรา จึงมั่นใจได้ว่าสมาชิกทุกคนภายในครอบครัวจะได้สัมผัสบรรยากาศภายในบ้านที่ทั้งเย็นสบาย และได้รับอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์และปลอดภัยต่อสุขภาพอย่างเต็มที่

            นายอำนาจ   กล่าวว่าในปีนี้ แอลจียังคงมุ่งตอบโจทย์ความต้องการของทุกเซ็กเมนต์อย่างครอบคลุม ด้วยขนาดผลิตภัณฑ์ที่เริ่มต้นตั้งแต่ 9,000 – 30,000 บีทียู เพื่อรองรับการใช้งานในพื้นที่ทุกรูปแบบ พร้อมฟีเจอร์ที่หลากหลายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน  โดยเครื่องปรับอากาศภายในบ้านแอลจีซีรีส์ใหม่ทั้งหมดนี้ ขับเคลื่อนด้วย ระบบ ดูอัล อินเวอร์เตอร์ ประหยัดพลังงานได้มากขึ้นถึง 70 % และให้ความเย็นเร็วขึ้นถึง 40  % พร้อมโหมดการทำงานเพื่ออำนวยความสะดวกเพิ่มเติม เช่น โหมดควบคุมการใช้พลังงาน (Active Energy Control) ที่ตอบโจทย์การใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน โหมดกระจายลมระยะไกลถึง 20 เมตร  รวมถึงรีโมทคอนโทรลรุ่นใหม่ พร้อมไฟ LED เพื่อแสดงปุ่มการใช้งานในตอนกลางคืน  อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคเลือกโหมดสำหรับการนอน (Sleep Mode) ได้โดยไม่จำเป็นต้องเปิดไฟในห้อง

            ในด้านความทนทาน เครื่องปรับอากาศแอลจีมาพร้อมกับคอนเดนเซอร์แบบ Gold Fin ที่เคลือบวัสดุชั้นดีช่วยป้องกันการสึกกร่อนและสนิม อีกทั้งยังรับประกันคอมเพรสเซอร์ยาวนานถึง 10 ปี และรับประกันแผงคอยล์ร้อนคอยล์เย็น และแผงวงจรควบคุมหลักของเครื่องปรับอากาศ (แผง PCB Mainboard) ถึง 3 ปี    นอกจากนี้แอลจียังพัฒนาความสามารถในการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย ผ่านการเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน LG ThinQ และมีฟังก์ชั่น Smart Diagnosis ที่ช่วยวิเคราะห์ปัญหาในการใช้งานเบื้องต้นอีกด้วย

            “เราเชื่อมั่นว่านวัตกรรมอันล้ำสมัยและคุณสมบัติต่างๆ ที่ครอบคลุมจะช่วยมอบอากาศภายในบ้านที่เย็นสดชื่นและบริสุทธิ์ พร้อมความคุ้มค่าและประหยัดพลังงานได้อย่างแท้จริง ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี UVnano ในเครื่องปรับอากาศภายในบ้านแอลจีซึ่งเป็นแบรนด์เดียวที่สามารถกำจัดเชื้อโรคที่เกิดจากความชื้น เชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส ที่อาจปะปนอยู่ในอากาศ จะเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์แอลจีในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน นอกเหนือจากการดำเนินกลยุทธ์ด้านการตลาดผ่านช่องทางต่างๆ ด้วยงบการตลาดกว่า 130 ล้านบาท จะส่งผลให้แอลจีมีอัตราการเติบโตในตลาดกลุ่มเครื่องปรับอากาศภายในบ้านที่ 30 % ”

            นายอำนาจ กล่าวอีกว่า  จากการพัฒนานวัตกรรมในเครื่องปรับอากาศอย่างต่อเนื่อง ในปี2564 นี้ แอลจีมีเป้าหมายต้องการเป็นแบรนด์เครื่องปรับอากาศเพื่อสุขภาพอันดับ1 ในใจผู้บริโภค โดยตั้งเป้ายอดขายจำนวน 140,000 เครื่อง หรือมีมูลค่าประมาณ  2,200 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้านี้  40 %  และต้องการเป็นผู้เล่นอันดับที่3  ในตลาด ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 11 %  ของตลาดเครื่องปรับอากาศในประเทศไทย