เปิดตัวสมาร์ทโฟน Xiaomi 15T Series  ชูการออกแบบ-นวัตกรรมมือถือขั้นสูง

i & Tech

เสียวหมี่ ประเทศไทย เปิดตัว Xiaomi 15T Series สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการ  ชึ้เป็นก้าวสำคัญสำหรับสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในตระกูล T Series ที่จะก้าวจากการถ่ายภาพระดับเรือธงและการใช้เทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่สร้างขึ้นสำหรับผู้ใช้งานยุคใหม่ ไปสู่นวัตกรรมเทคโนโลยีมือถือขั้นสูงพร้อมภาพที่เหนือชั้นและการออกแบบที่ประณีต

                เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 เสียวหมี่ ประเทศไทย จัดงานเปิดตัว Xiaomi 15T Series สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการ ซึ่งประกอบไปด้วย Xiaomi 15T และ Xiaomi 15T Pro  นอกจากนี้ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AIoT รุ่นใหม่มากมายเพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอ AIoT ในตลาดโลก

                สำหรับ Xiaomi 15T Series ได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับคุณภาพของภาพถ่าย โดยมาพร้อมระบบกล้องสามตัวขั้นสูงที่ร่วมพัฒนากับ Leica ซึ่งประกอบไปด้วยกล้องหลัก กล้องอัลตร้าไวด์ และกล้องเทเลโฟโต้ที่อยู่ใน Xiaomi 15T ในขณะที่ Xiaomi 15T Pro นั้นมาพร้อมกล้องหลัก กล้องอัลตร้าไวด์ และกล้องเทเลโฟโต้ Leica 5x Pro ทั้งนี้ระบบกล้องของสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นนั้นถูกออกแบบมาเพื่อมอบผลลัพธ์อันน่าประทับใจในทุกสถานการณ์และเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย Xiaomi 15T Pro และ Xiaomi 15T ให้ตัวเลือกความยาวโฟกัสมาหลายระยะ โดย Xiaomi 15T Pro ให้ความยาวโฟกัสตั้งแต่ 15 มม. ถึง 230 มม. ในขณะที่ Xiaomi 15T ให้ความยาวโฟกัสตั้งแต่ 15 มม. ถึง 92 มม.ในกล้องหลังทั้งสามตัว จึงช่วยให้ผู้ใช้สามารถบันทึกภาพมุมกว้างหรือถ่ายภาพระยะใกล้ได้อย่างละเอียดและแม่นยำ

                หัวใจสำคัญของกล้องหลักความละเอียด 50MP บน Xiaomi 15T Series คือเลนส์ออปติคอล Leica Summilux ที่สามารถเก็บรายละเอียดได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยรูรับแสงขนาด ƒ/1.7 ในรุ่นพื้นฐาน และรูรับแสงขนาด ƒ/1.62 ในรุ่น Pro โดยนอกจากจะสามารถเก็บรายละเอียดที่ซับซ้อนได้แล้วยังมอบสีสันสดใสและคอนทราสต์สูงให้กับภาพได้แม้ในสภาพแสงน้อย ทั้งนี้ Xiaomi 15T Pro ยังก้าวขึ้นไปอีกขั้นด้วยการใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Light Fusion 900 ประสิทธิภาพสูงที่ให้ช่วงไดนามิกสูงถึง 13.5 EV จึงช่วยเพิ่มความคมชัดและความแม่นยำของโทนสีได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

                Xiaomi T Series ได้ทำการเปิดตัวกล้องเทเลโฟโต้ Leica 5x Pro เป็นครั้งแรก โดย Xiaomi 15T Pro มาพร้อมประสิทธิภาพการซูมแบบออปติคอล 5 เท่า ซูมระดับออปติคอล 10 เท่า และซูมแบบอัลตร้าสูงสุด 20 เท่า จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพในหลากหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นภาพทิวทัศน์อันกว้างไกลไปจนถึงภาพที่มีรายละเอียดสูง นอกจากนี้สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นยังให้กล้องหน้าความละเอียด 32MP สำหรับการเซลฟี่และวิดีโอคอลอีกด้วย

                ทั้งนี้นอกจากฮาร์ดแวร์ของกล้องที่ล้ำสมัยในซีรีส์นี้แล้ว ตัวอุปกรณ์ยังทำงานร่วมกับ Xiaomi AISP 2.0 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการประมวลผลภาพถ่ายรุ่นใหม่ของแบรนด์ Xiaomi AISP 2.0 มอบฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย เช่น PortraitLM 2.0 และ ColorLM 2.0 ที่จะช่วยปรับแต่งภาพโดยการปรับปรุงการรับรู้ระยะชัดลึก ช่วงโทนสี และความคมชัดของสี ส่งผลให้ภาพถ่ายดูเป็นธรรมชาติและสมจริงมากยิ่งขึ้น โดยแทบไม่ต้องปรับแต่งใดๆ ในทั้งสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่น  สำหรับการถ่ายวิดีโอ Xiaomi 15T Series  รองรับการบันทึกภาพที่ความละเอียด 4K 30fps HDR10+ ในทุกระยะโฟกัสจึงสามารถรักษาความคมชัดของสีและคอนทราสต์ที่สม่ำเสมอไม่ว่าจะใช้เลนส์ใดก็ตาม ทั้ งนี้ Xiaomi 15T Pro ยังได้ก้าวข้ามขีดจำกัดด้วยการรองรับการถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียดสูง 4K 120fps บนกล้องหลัก  

                  นอกเหนือจากการถ่ายภาพแล้ว Xiaomi 15T Series ยังก้าวเข้าสู่การเชื่อมต่อมือถืออย่างเต็มรูปแบบ และยังได้ให้คำนิยามใหม่สำหรับการเชื่อมต่อของผู้ใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย หัวใจสำคัญของนวัตกรรมนี้คือ Xiaomi Astral Communication ซึ่งเป็นชุดเทคโนโลยีขั้นสูงรวมไปถึงการเปิดตัว Xiaomi Offline Communication เป็นครั้งแรกใน Xiaomi T Series1 โดยนวัตกรรมนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารด้วยเสียงโดยตรงระหว่างสมาร์ทโฟน Xiaomi 15T Series ได้ในระยะไกลสูงสุด 1.9 กม. บน Xiaomi 15T Pro และระยะ 1.3 กม. บน Xiaomi 15T แม้จะไม่มีสัญญาณมือถือหรือ Wi-Fi2 ก็ตาม จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมแบบเปิด เช่น ป่าดงดิบ ทะเลทราย หรือเส้นทางเดินป่าที่ห่างไกล เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจเป็นพิเศษเมื่อเครือข่ายแบบเดิมไม่สามารถใช้งานได้

                 นอกจากเทคโนโลยีการสื่อสารแล้ว Xiaomi 15T Series ยังมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ล่าสุดอย่าง Xiaomi HyperOS 33 เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้ดีมากยิ่งขึ้น โดยระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 3 จะเปิดตัวทั่วโลกใน Xiaomi 15T Series  พร้อมฟีเจอร์การทำงานแบบมัลติทาสก์ที่ได้รับการปรับปรุง3 การเปิดแอปพลิเคชันที่รวดเร็วขึ้น และองค์ประกอบอินเทอร์เฟซที่ได้รับการออกแบบใหม่ ซึ่งรวมไปถึงล็อกสกรีน วอลเปเปอร์ ไอคอน วิดเจ็ต และแม้แต่ดีไซน์การแจ้งเตือนแบบใหม่อีกด้วย   

                อย่างไรก็ดี Xiaomi 15T Series เสริมประสิทธิภาพฮาร์ดแวร์และการเชื่อมต่ออันทรงพลังด้วยหน้าจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้น สว่างขึ้น และสมจริงมากยิ่งขึ้น โดยมีหน้าจอขนาดใหญ่ 6.83 นิ้ว ให้ความสว่างสูงสุดถึง 3,200 nits  ขอบจอ บางเฉียบเพียง 1.5 มม. ทั้งสี่ด้านด้วยเทคโนโลยี LIPO   อัตราการรีเฟรชที่ลื่นไหลสูงสุด 144Hz5  จึงช่วยให้เลื่อนหน้าจอได้อย่างราบรื่นและตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น  และทั้ง Xiaomi 15T และ Xiaomi 15T Pro ใช้แบตเตอรี่ขนาดความจุ 5500mAh มีระบบชาร์จเร็ว  และ ใช้ระบบระบายความร้อน Xiaomi 3D IceLoop  ที่สามารถแยกไอระเหยและของเหลวได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ส่วนการออกแบบระดับพรีเมียม  ใช้ฝาหลังแบบไฟเบอร์กลาสและฝาครอบแบตเตอรี่ที่ผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแบบไร้รอยต่อ  หน้าจอ Corning® Gorilla® Glass 7i ที่ให้ความทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดีขึ้น 100% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า    สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นได้รับการปรับปรุงให้สามารถทนน้ำจืดได้ลึกถึง 3 เมตร พร้อมการรับรองมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP689

                Xiaomi 15T Pro มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Black, Gray, และ Mocha Gold10 พร้อมให้ลูกค้าสั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 25 กันยายน 2568 – 3 ตุลาคม 2568  โดยรุ่นความจุ 12GB + 1TB วางจำหน่ายในราคา 24,990 บาทและรุ่นความจุ 12GB + 512GB วางจำหน่ายในราคา 21,990 บาท ที่ Xiaomi Store, ร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ และช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ mi.com, Shopee, Lazada, และ TikTok Shop

                สำหรับลูกค้าสั่งซื้อ Xiaomi 15T Pro ในระหว่างวันที่ 25 กันยายน 2568 – 3 ตุลาคม 2568 รับฟรี REDMI Pad 2 รุ่นความจุ 4GB + 128GB, ประกันตัวเครื่อง 24 เดือน  , ประกันหน้าจอแตก (เปลี่ยน 1 ครั้ง ภายใน 6 เดือน) , ใช้งาน Google AI Pro ฟรี 3 เดือน , ใช้งาน YouTube Premium ฟรี 3 เดือน , ใช้งาน Spotify ฟรี 4 เดือน และรับคูปองส่วนลดจาก Grab ฟรี 200 บาท  รวมมูลค่าของสมนาคุณ 17,860 บาท  นอกจากนี้ยังนำเครื่องเก่ามาแลกใหม่และรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 3,000 บาท

                ส่วน Xiaomi 15T มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Black, Gray และ Rose Gold10 พร้อมให้ลูกค้าสั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 25 กันยายน 2568 – 3 ตุลาคม 2568 โดยรุ่นความจุ 12GB + 512GB วางจำหน่ายในราคา 17,990 บาทและรุ่นความจุ 12GB + 256GB วางจำหน่ายในราคา 15,990 บาท ที่ Xiaomi Store, ร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ และช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ mi.com, Shopee, Lazada, และ TikTok Shop

                ลูกค้าสั่งซื้อ Xiaomi 15T ในระหว่างวันที่ 25 กันยายน 2568 – 3 ตุลาคม 2568 รับฟรี Redmi Watch 5 Active, Xiaomi Power Bank 10000mAh (Integrated Cable) ประกันตัวเครื่อง 24 เดือน , ประกันหน้าจอแตก (เปลี่ยน 1 ครั้ง ภายใน 6 เดือน) , ใช้งาน Google AI Pro ฟรี 3 เดือน , ใช้งาน YouTube Premium ฟรี 3 เดือน , ใช้งาน Spotify ฟรี 4 เดือน  และรับคูปองส่วนลดจาก Grab ฟรี 200 บาท รวมมูลค่าของสมนาคุณ 14,138 บาท  นอกจากนี้ยังนำเครื่องเก่ามาแลกใหม่และรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท

                นอกจากนี้ในงานดังกล่าว  เสียวหมี่ ประเทศไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ AIoT รุ่นใหม่อีกเป็นจำนวนมาก เพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอ AIoT ในตลาดโลก อาทิ แท็บเล็ต Xiaomi Pad Mini, แท็บเล็ต REDMI Pad 2 Pro Series, นาฬิกาอัจฉริยะ Xiaomi Watch S4 41mm, หูฟัง Xiaomi Open Wear Stereo Pro, สมาร์ทแบนด์ Xiaomi Smart Band 10 Glimmer Edition, หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Xiaomi Robot Vacuum 5 และ Xiaomi Robot Vacuum 5 Pro, ทีวีอัจฉริยะ Xiaomi TV S Pro Mini LED Series 2026, กล้องวงจรปิด Xiaomi Smart Camera C701 และอื่นๆ อีกมากมาย

                ผลิตภัณฑ์ AIoT รุ่นใหม่เหล่านี้ออกแบบมาเพื่อพลิกโฉมการใช้ชีวิตประจำวัน  โดยครอบคลุมตั้งแต่การทำความสะอาดบ้านอย่างอัจฉริยะ การติดตามสุขภาพส่วนบุคคล ระบบเสียงที่สมจริง ระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน และความบันเทิงยุคใหม่ ทั้งนี้เสียวหมี่ยังคงใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์และพัฒนาวิธีที่ผู้คนมีปฏิสัมพันธ์กับเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยรังสรรค์ระบบบ้านอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ปรับปรุงปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับอุปกรณ์ และยกระดับการใช้ชีวิตสมัยใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

                โดย  Xiaomi Pad Mini  เปิดตัวในฐานะแท็บเล็ตมินิเรือธงรุ่นแรกของเสียวหมี่ในตลาดโลก  ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านการพกพาและการทำงานที่คล่องตัว โดดเด่นด้วยหน้าจอแสดงผลความละเอียด 3K ขนาด 8.8 นิ้วอันคมชัด และด้วยดีไซน์ในขนาดกะทัดรัดและตามหลักสรีรศาสตร์1 จึงทำให้ได้ความสะดวกสบายสูงสุด เมื่อถือใช้งานตัวอุปกรณ์มีลำโพงสเตอริโอคู่ ระบบเสียงไร้สายความละเอียดสูง Hi-Res และ Hi-Res Wireless Audio และระบบเสียง Dolby Atmos® เพื่อมอบประสบการณ์เสียงรอบทิศทางที่สมจริง ในฐานะแท็บเล็ตของแอนดรอยด์รุ่นแรกที่เน้นการออกแบบโดยใช้ SoC โดยมีชิ้นส่วนสำคัญซึ่งประกอบไปด้วย ลำโพง แบตเตอรี่ และมอเตอร์ นั้นถูกจัดวางไว้อย่างสมมาตรรอบโปรเซสเซอร์ จึงช่วยเพิ่มความสมดุลโดยรวมและการจับที่ถนัดมือ  แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7500mAh (typ)  มีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว HyperCharge 67W10 ซึ่งรองรับการชาร์จแบบย้อนกลับแบบ มาพร้อมปากกา Xiaomi Focus Pen ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่แม่นยำและมอบประสบการณ์การเขียนที่เป็นธรรมชาติ พร้อมความหน่วงต่ำระดับมิลลิวินาทีและความไวต่อแรงกดสูง   Xiaomi Pad Mini รุ่นความจุ 8GB + 256GB วางจำหน่ายในราคา 12,990 บาทส่วนรุ่นความจุ 12GB + 512GB วางจำหน่ายในราคา 16,990 บาท  

                ส่วน  REDMI Pad 2 Pro   เป็นแท็บเล็ตจาก REDMI ที่ให้หน้าจอใหญ่ที่สุดคือ 2.5K ขนาด 12.1 นิ้วเพื่อความบันเทิงระดับมืออาชีพ  ระบบลำโพงสี่ตัวจาก Dolby Atmos® และระบบเสียงความละเอียดสูง  แบตเตอรี่ความจุขนาดใหญ่ 12000mAh (typ) ซึ่งเป็นหนึ่งในแบตเตอรี่แท็บเล็ตที่ใหญ่ที่สุดของเสียวหมี่ในตลาดโลก และให้การชาร์จเร็ว 33W   และ ยังรองรับฟังก์ชันต่างๆ เช่น การซิงค์การโทร, การแชร์คลิปบอร์ด, การซิงค์เครือข่าย และ Home Screen+ ซึ่งจะช่วยให้แท็บเล็ตสามารถเข้าถึงและใช้งานแอปและไฟล์ต่างๆ ในโทรศัพท์ได้โดยตรง  และมาพร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น ปากกา REDMI Smart Pen   และ REDMI Pad 2 Pro Keyboard ขนาดมาตรฐาน เพื่อการพิมพ์ที่สะดวกสบายและมอบประสบการณ์การพิมพ์ระดับพีซี  REDMI Pad 2 Pro มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Graphite Gray และ Lavender Purple  

                 นอกจากนี้ ยังมี นาฬิกาอัจฉริยะ Xiaomi Watch S4 41mm ที่เน้นการออกแบบอย่างประณีตพร้อมฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่ครบถ้วน    หูฟัง Xiaomi Open Wear Stereo Pro ที่เสียงระดับมืออาชีพเพื่อการฟังที่สะดวกสบายตลอดทั้งวัน    สมาร์ทแบนด์ Xiaomi Smart Band 10 Glimmer Edition ที่มีการอัปเกรดอันน่าทึ่งสำหรับการติดตามการออกกำลังกายทุกวัน   หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Xiaomi Robot Vacuum 5 และ Xiaomi Robot Vacuum 5 Pro การทำความสะอาดบ้านที่ชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย AI  ทีวีอัจฉริยะ Xiaomi TV S Pro Mini LED Series 2026 ที่มี ความคมชัดและประสิทธิภาพระดับภาพยนตร์ในบ้านของคุณ  และกล้องวงจรปิด Xiaomi Smart Camera C701 ที่มีความคมชัดระดับ 4K Ultra HD พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนด้วย AI

                เสียวหมี่ ประเทศไทย ประกาศวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ AIoT ต่าง ๆ ที่ Xiaomi Store, ร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ และช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ mi.com, Shopee, Lazada และ TikTok Shop