AIS เสนอขายหุ้นกู้ 7 ปีที่ดบ.2.29% ต่อปีต่อประชาชนทั่วไปด้วยความน่าเชื่อถือระดับ AAA ระหว่างวันที่ 10 – 12 พ.ย. 68

i & Tech

AIS ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลชั้นนำของประเทศไทยทั้งโครงข่ายมือถือ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และบริการดิจิทัล ที่มีฐานลูกค้ารวมกว่า 51.5 ล้านราย เสนอขายหุ้นกู้อายุ 7 ปี ให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 10 – 12 พฤศจิกายน 2568 มั่นใจเป็นการสร้างโอกาสการลงทุนในผู้นำเทคโนโลยีโทรคมนาคมอัจฉริยะครบวงจร ชูจัดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ที่ระดับ “AAA(tha)” จากบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในธุรกิจ และสถานะทางการเงินที่มีความมั่นคง พร้อมแต่งตั้ง 5 สถาบันการเงินชั้นนำเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ได้แก่ ธ.กสิกรไทย ธ.กรุงไทย ธ.กรุงศรีอยุธยา ธ.ทหารไทยธนชาต และ บล.เกียรตินาคินภัทร

                นายธีร์ สีอัมพรโรจน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านการเงิน บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวว่า “การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ ไม่เพียงสะท้อนถึงความมั่นคงทางการเงินของ AIS เท่านั้น แต่ยังตอกย้ำถึงโอกาสการลงทุนที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว ภายใต้รากฐานธุรกิจโทรคมนาคมเทคโนโลยีอัจฉริยะที่แข็งแกร่ง โดย  AIS มุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงข่าย 5G ที่ครอบคลุมพื้นที่การให้บริการแล้วมากกว่า 95% ของพื้นที่ประชากร โครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่เข้าถึงกว่า 20 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ รวมถึงการขับเคลื่อนนวัตกรรมแพลตฟอร์มสำหรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมหลักของประเทศ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่า AIS พร้อมเดินหน้าเติบโตไปพร้อมกับประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็น Cognitive Tech-Co อย่างเต็มรูปแบบ ที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ยกระดับคุณภาพชีวิตและขับเคลื่อนธุรกิจของคนไทย ตามแนวคิด AI for Sustainable Nation ที่จะเชื่อมทุกภาคส่วนให้เติบโตไปด้วยกัน พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน”

                โดยหุ้นกู้ที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นการทั่วไป (Public Offering) คือ รุ่นอายุ 7 ปี กำหนดการชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ผู้ลงทุนทั่วไปจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยที่ 2.29% บริษัทมั่นใจว่าหุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่มีความมั่นคงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ

                สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2568 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 54,362 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 จากปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งรายได้จากโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 จากการขยายฐานลูกค้าที่มีคุณภาพ การส่งเสริมแพ็กเกจ 5G และบริการเสริมด้านความบันเทิง ส่วนรายได้จากอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากการขยายฐานลูกค้าและการปรับตัวดีขึ้นของ ARPU ขณะที่รายได้จากลูกค้าองค์กรและบริการอื่น ๆ เติบโตร้อยละ 14 ตามความต้องการบริการเชื่อมต่อเครือข่าย (EDS) และคลาวด์ อีกทั้งรายได้จากการขายอุปกรณ์และซิมเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 จากความต้องการสมาร์ทโฟนที่สูงขึ้น ด้านต้นทุนการให้บริการลดลงร้อยละ 6.9 จากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ลดลง ในขณะค่าใช้จ่ายขายและบริหารลดลงร้อยละ 16  ทำให้บริษัทสามารถเติบโต EBITDA กว่าร้อยละ 10 และมีกำไรสุทธิ 12,039 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 จากปีก่อน สะท้อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

                โดยฟิทช์ เรทติ้งส์ ประเมินว่า AIS มีสถานะทางเครดิตที่แข็งแกร่ง สะท้อนถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ด้วยส่วนแบ่งตลาดผู้ใช้บริการร้อยละ 49 และร้อยละ 47 ตามลำดับ อีกทั้งการขยายธุรกิจสู่บริการลูกค้าองค์กร ศูนย์ข้อมูล และคลาวด์ ช่วยกระจายแหล่งรายได้ เสริมความแข็งแกร่งทางการแข่งขัน และสร้างความมั่นคงของกระแสเงินสดในระยะกลาง

                สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ของ AIS สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร. 02-888-8888 กด 869 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา, ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และรวมถึง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)