เนคเทคประกาศผลนักเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และนวัตกรรุ่นเยาว์ YETI 2021

News Update

เนคเทคร่วมกับกฟผ.และพันธมิตร จัด ประกวดนักเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และนวัตกรรุ่นเยาว์ YETI 2021 รอบชิงชนะเลิศแบบออนไลน์

               วันนี้ (10 กันยายน 2564)กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และหน่วยงานพันธมิตร  จัดการประกวดนักเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และนวัตกรรุ่นเยาว์ (Young Electronics Technologists and Innovators: YETI) ประจำปี 2564  ในรอบชิงชนะเลิศ ขึ้นระหว่างวันที่ 9-10 กันยายน 2564 ในรูปแบบออนไลน์  ภายใต้ธีม: พลังงานและสิ่งแวดล้อมรอบตัว เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของเยาวชนในประยุกต์องค์ความรู้ด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ให้สามารถพัฒนาเป็นสิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรม   ซึ่งในปีนี้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมค่ายนักอิเล็กทรอนิกส์รวมกว่า 500 คน ส่งผลงานสิ่งประดิษฐ์เข้าร่วมประกวด 21 ทีม และผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ 15 ทีม  รวม 60 คน เป็นนักเรียน 30 คน ครู 15 คน และนิสิต นักศึกษา 15 คน 

                ดร.ชฎามาศ ธุวะเศรษฐกุล รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา สวทช.  ได้กำหนดให้การพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นพันธกิจหนึ่งที่สำคัญของ สวทช. โดยกิจกรรมหนึ่งที่ สวทช. เนคเทค ร่วมสนับสนุนในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา คือ การจัดค่ายนักอิเล็กทรอนิกส์รุ่นเยาว์ หรือ eCamp ตลอดจนการประกวดสำหรับเยาวชนที่ผ่านค่าย eCamp เพื่อเฟ้นหาเยาวชนยอดนักอิเล็กทรอนิกส์ไทย ในเวทีประกวดนักเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และนวัตกรรุ่นเยาว์ ซึ่งเป็นเวทีการประกวดโครงงานสำหรับกลุ่มเยาวชน นักเรียน ครู นิสิต และนักศึกษา  ที่ได้บูรณาการความรู้จากค่ายฯ ด้านวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ผนวกความคิดสร้างสรรค์ Creative Thinking มาประยุกต์พัฒนาเป็นขึ้นเป็นผลงานที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตจริง หรือเป็นจุดเริ่มต้นของผลงานที่สามารถนำไปต่อยอดขยายผลให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม และเป็นการกระตุ้นให้เยาวชนไทยเกิดความตื่นตัวและหันมาพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกันมากขึ้นอีกด้วย

               ดร.กัลยา อุดมวิทิต รองผู้อำนวยการเนคเทค กล่าวว่า การจัดประกวดผลงานเยาวชนที่ผ่านค่ายนักอิเล็กทรอนิกส์    รุ่นเยาว์ หรือ eCamp ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 19 ปี  โดยได้ปรับเปลี่ยนชื่อ และรูปแบบกิจกรรมตามสถานการณ์ จากการแข่งขันประกวดประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์รุ่นเยาว์ YECC  การประกวดนักเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และนวัตกรรุ่นเยาว์ YETI  ในระยะ 2 ปีให้หลังนี้ แต่อย่างไรก็ดี เป้าหมายสำคัญของกิจกรรมนี้ คือ การส่งเสริมและสนับสนุนให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา และครู ที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้นำความรู้ และประสบการณ์ด้านฮาร์ดแวร์ อนาล็อก และดิจิทัล มาประยุกต์กับซอฟต์แวร์ เพื่อพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมที่มีความคิดสร้างสรรค์ผ่านกระบวนการคิด และดำเนินการอย่างเป็นระบบตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ อีกทั้งยังได้มีโอกาสนำผลงานมาเผยแพร่สู่สาธารณชน ซึ่งเป็นการสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการพัฒนาบุคลากรสู่อุตสาหกรรมภาคอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง

               ด้านนางสาวตติยา สาครพันธ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและประชาสัมพันธ์องค์การ(กฟผ.) กล่าวว่า “ กฟผ. ยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมที่สนับสนุนเยาวชนได้พัฒนาทักษะการเป็นนักคิด นักประดิษฐ์ สร้างสรรค์นวัตกรรมต่าง ๆ ที่จะสร้างประโยชน์แก่โลกของเรา โดยเฉพาะนวัตกรรมที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่ง กฟผ. เองกว่า 52 ปีที่ได้เป็นผู้ดูแลความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้าของประเทศ  ได้มุ่งมั่นพัฒนาการดำเนินงานและนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งการพัฒนาศักยภาพและเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าและ การพัฒนานวัตกรรม EV ต่าง ๆ เช่น รถ/เรือ สถานีชาร์จ ร่วมกับพันธมิตรมากมาย ซึ่งกฟผ. ยินดีอย่างยิ่งที่มีพันธมิตรที่เหนียวแน่นเพิ่มขึ้น และได้พลังจากน้อง ๆ เยาวชนมาช่วยกันรวมพลังขับเคลื่อนประเทศ พร้อม ๆ ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม”  

               สำหรับการแข่งขันในปีนี้ผู้แข่งขันจะต้องสร้างสรรค์โครงงานอิเล็กทรอนิกส์ โดยนำความรู้ หลักการ ทฤษฎีทางอิเล็กทรอนิกส์พื้นฐาน วิทยาศาสตร์หรือความรู้ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์มาประยุกต์ เพื่อให้เกิดการนำอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ สำหรับการพัฒนาท้องถิ่น โดย ได้กำหนดหัวข้อการแข่งขันเรื่อง พลังงาน และ สิ่งแวดล้อมรอบตัว โดยพลังงาน  จะเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์มาพัฒนาผลงานเพื่อ “การผลิตพลังงานทางเลือก” “เพื่อลดการใช้พลังงาน” หรือ “เพื่อบริหารจัดการ พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด” ส่วนสิ่งแวดล้อมรอบตัว  จะเป็นการนำเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ มาใช้แก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น มลพิษทางอากาศ ได้แก่ การแก้ปัญหา PM 2.5 หรือตรวจสภาพสิ่งแวดล้อมในการทำนายพฤติกรรมบางอย่าง เช่น สถานีวัดอากาศที่ทำให้สามารถคำนวณการจัดการเรื่องน้ำในการเกษตรได้ เป็นต้น

               ทั้งนี้ผลการแข่งขัน ปรากฎว่าโครงการที่ได้รับรางวัลที่ 1  เงินรางวัลมูลค่า  30,000 บาท  คือโครงการGreenWaste : make microgarden happen จาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่   ซึ่งมีผู้พัฒนา คือ ด.ญ. ภิญญดา แก้วเกตุ และ ด.ช. องอาจ ศุภรัศมี  และมีอาจารย์ที่ปรึกษา คือนายอภิรัตน์ เบญจวรรณ  โดย GreenWaste  คือ เครื่องทำปุ๋ยจากเศษอาหาร  ที่จะช่วยลดการเกิดขยะ ช่วยลดต้นทุนในการปลูกผักสวนครัว   มีต้นทุนต่ำ  นำไปใช้ได้ทุกที่ มีขนาดเล็ก กะทัดรัด โดยนำเทคโนโลยี   Internet of Thing มาใช้ควบคุมการทำงานและแสดงผล ทำให้อยู่ที่ไหนก็สามารถตรวจสอบได้ ง่ายต่อการใช้งาน

               ส่วนรางวัลที่ 2  เงินรางวัลมูลค่า 20,000 บาท  คือโครงการการเพิ่มประสิทธิภาพถังหมักก๊าซชีวภาพขนาดเล็ก ด้วยระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ จาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้พัฒนา คือด.ญ.นาง  คำจันทร์ และ น.ส.สุทัตตา  คำแก้วอาจารย์ที่ปรึกษาคือ ว่าที่ ร.ต.สุวิชา  จิตบาล  จากโรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์  ซึ่งเป็นการศึกษากระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของจุลินทรีย์ในถังหมักก๊าซชีวภาพขนาดเล็ก ซึ่งใช้เศษอาหารเป็นวัตถุดิบในการผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อนำมาใช้ในการเรียนการสอนวิชาคหกรรมเพื่อประหยัดงบประมาณ

               และรางวัลที่ 3   เงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท  คือโครงการระบบรับชื้อขวดพลาสติกอัตโนมัติ จาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร ผู้พัฒนา คือ ด.ญ.ธนัชชา แก้วมีสี และด.ญ.สุภัทรา ไร่รัตน์ จาก โรงเรียนอนุกูลนารี โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษา คือ นางสาวรมิตา พิมพะไสย์  โครงการนี้เป็นการจัดทำระบบรับซื้อขวดพลาสติก อัตโนมัติให้กับธนาคารขยะของโรงเรียน ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการขายขวดน้ำพลาสติก สามารถขายได้ตลอดเวลาไม่สิ้นเปลืองพื้นที่ ในการสะสม ขวดพลาสติก            

               นอกจากนี้ยังมีโครงการที่ได้รับรางวัลชมเชย อันดับ 1 คือ โครงการไม่แตะก็ติดสวิตช์อัจฉริยะ จาก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผู้พัฒนา  คือด.ญ.ณัฐณิชา เซียห้วน และน.ส.ฤทัยชนก เกษตรเจริญ  รางวัลชมเชยอันดับ 2 คือโครงการกล่องอัจฉริยะช่วยเหลือผู้สูงอายุและผู้ป่วยเมื่อเกิดอุบัติเหตุในห้องน้ำ  จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน ผู้พัฒนาคือ ด.ช.จิรภัทร  แก้วด้วง และด.ช.ธนาทรัพย์  ภู่ทิม รางวัลพิเศษจาก EGAT Special Award คือ โครงการระบบป้องกันไฟป่า (Watch Eagle Forest Fire Protection System) จากมหาวิทยาลัยบูรพา ผู้พัฒนาคือ  ด.ช.วรพล  สุเมธโสภณ และด.ช.กฤษฎ์  เทพพันธ์   และรางวัล Popular คือโครงการสุขาแห่งความสุข จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  ผู้พัฒนา คือ  ด.ช.อริยะ ถาวรวงษ์ และด.ช.พรรษกร นักฟ้อน