นวัตกรรมไข่เทียมจากพืช ชมได้ในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565

เวทีวิจัย

ม.รังสิตโชว์นวัตกรรมไข่ผงจากพืชไร้สารก่อภูมิแพ้ ในมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ  2565  พร้อมต่อยอดเป็นไข่ต้มแบบ ready to eat เก็บอุณหภูมิห้องได้นาน1ปี

           ดร.วิภารัตน์   ดีอ่อง  ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้ความสำคัญกับผู้บริโภคที่หันมาสนใจบริโภคอาหารที่มาจากพืชเป็นจำนวนมากขึ้น  ทั้งตลาดผู้รักสุขภาพ และตลาดผู้บริโภคมังสวิรัติหรือวีแกนที่กำลังเติบโต การผลิตอาหารที่มีความปลอดภัยและมีงานวิจัยรองรับอย่าง “นวัตกรรมไข่เทียมจากพืชเสริมโปรตีนข้าวไฮโดรไลเสท” จากศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อผู้ประกอบการ  คณะเทคโนโลยีอาหาร มหาวิทยาลัยรังสิต จึงตอบโจทย์ด้านอาหารแห่งอนาคต ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน และยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลพลอยได้จากการแปรรูปข้าวของไทย

รศ.ยุพกนิษฐ์  พ่วงวีระกุล

           รศ.ยุพกนิษฐ์  พ่วงวีระกุล   ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อผู้ประกอบการ  คณะเทคโนโลยีอาหาร มหาวิทยาลัยรังสิต หัวหน้าทีมพัฒนา  ฯ  เปิดเผยว่า  ตลาดผลิตภัณฑ์ไข่จากพืช หรือไข่วีแกนของโลก ในปี พ.ศ. 2570 จะมีมูลค่า 1.72 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเติบโต 6.2% ต่อปี และสูงถึง 140 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี พ.ศ. 2572 (Franck, 2019)   ปัจจุบัน ไข่จากพืชทั้งหมดเป็นสินค้าที่มีการผลิตและจำหน่ายในต่างประเทศ  ใน  2 ลักษณะ คือของเหลว ที่มีข้อจำกัดด้านอายุการเก็บที่สั้นและต้องเก็บรักษาในลักษณะแช่เย็นหรือแช่แข็ง  และผลิตภัณฑ์ในรูปผงที่เก็บรักษาง่ายและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าถึงหนึ่งปี  ไข่จากพืชในรูปแบบนี้จะเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนตลาดให้เติบโตอย่างมากและเป็นโอกาสสำหรับผู้ผลิตรายใหม่

           ทีมวิจัยซึ่งมี รศ.ยุพกนิษฐ์  พ่วงวีระกุล    และ อาจารย์สุวิมล สร้อยทองสุข เป็นนักวิจัยหลัก จึงเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ไข่ผงวีแกนจากผลพลอยได้จากการแปรรูปข้าวขึ้น   โดยได้รับทุนอุดหนุนจากโครงการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชนฐานราก เครือข่ายวิจัยอุดมศึกษาภาคกลางตอนบน สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

           ไข่ผงจากพืชที่พัฒนาขึ้นนี้ ทำมาจากข้าวไทย และผลพลอยได้จากการแปรรูปข้าว ซึ่งนำมาผ่านกระบวนการเฉพาะ เพื่อใช้ในการผลิตไข่เทียม  ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และได้ตัดวัตถุเจือปนอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายออกไป

           ทั้งนี้จากผลการศึกษาองค์ประกอบทางเคมีโภชนาการ พบว่าไข่ผงจากพืชที่พัฒนาขึ้น เมื่อเทียบกับไข่จริงพบว่าไม่มีความแตกต่างของปริมาณโปรตีนและแร่ธาตุ มีโภชนาการเท่าไข่จริง   ไร้กลิ่นคาว มีสีและรสชาติอ่อน สามารถนำไปทดแทนไข่จริงได้ทุกเมนูคาวหวาน และยังพบว่าปริมาณไขมันในไข่วีแกนต่ำกว่า 14 เท่า ปริมาณเส้นใยสูงกว่า 4 เท่า และมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตมากกว่า 18 เท่า   

            จากการที่ไข่จากพืชหรือไข่วีแกนมีแคลอรีน้อยกว่าไข่จริง ช่วยบ่งชี้ว่าการบริโภคอาจมีส่วนช่วยให้ผู้บริโภคควบคุมน้ำหนักได้ นอกจากนี้ยังพบว่าไข่วีแกนมีปริมาณสารทั้ง 5 ชนิดอยู่ในระดับสูงสุด ได้แก่ สารประกอบฟีนอลิก สารต้านอนุมูลอิสระ สารยับยั้ง ACE สารDSL และสาร GABA  

            ไข่เทียมจากพืชที่ผลิตขึ้นนี้ได้รับการขึ้นทะเบียน อย. แล้ว และมีการขยายผลไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในประเทศไทย  ปัจจุบันทีมวิจัยได้มีการต่อยอดเป็นไข่ต้มจากพืชไร้สารก่อภูมิแพ้  แบบ  ready to eat ที่เก็บอุณหภูมิห้องได้นาน 1 ปี

           ยืนยันความเป็นนวัตกรรมที่โดดเด่นด้วย  รางวัลชนะเลิศเหรียญทองนานาชาติ  Life Science WSEEC 2022  ที่จาร์การ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย  รางวัล IYSA SEMI GRAND AWARD2022  รางวัล IYSA GRAND PRIZE AWARD  รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 นวัตกรรมแห่งประเทศไทย ปี 2564 และรางวัลชนะเลิศ Fi Asia ปี 2564

           นวัตกรรมชิ้นนี้  ไม่เพียงเป็นอาหารจากพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการไร้สารก่อภูมิแพ้เท่านั้น แต่ยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลพลอยได้จากผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย

           ผู้สนใจ สามารถชมนวัตกรรมไข่จากพืชเสริมโปรตีนข้าวไฮโดรไลเสท นี้ได้ที่งานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 สิงหาคมนี้  ลงทะเบียนเข้าชมงานแบบ Online ได้ที่ www.researchexpo.nrct.go.th