สวทช.จับมือ มข.เดินหน้าวิจัย สร้างและขยายนวัตกรรมการตรวจโรควัณโรค

News Update

มข. ผนึกกำลัง สวทช. ลงนามความร่วมมือเสริมแกร่งทางวิชาการเดินหน้าการวิจัย สร้าง และขยายนวัตกรรมการตรวจโรควัณโรค

           24 มีนาคม 2566 ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)   มหาวิทยาลัยขอนแก่น ลงนามความร่วมมือทางวิชาการร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มุ่งการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมทางการแพทย์และชีววิทยา ด้านเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และการประมวลผลทางคอมพิวเตอร์ เช่น ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) พร้อมเสริมทัพนวัตกรรมสมัยใหม่ ช่วยในการขับเคลื่อนประเทศ ในหลากลายมิติ

            รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัย ขอนแก่น กล่าวว่า จากเดิมที่ผ่านมาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นและสวทช.มีความร่วมมือระหว่างอาจารย์นักวิจัย อยู่อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่เพื่อให้เกิดความร่วมมือที่มากขึ้น และเป็นการยกระดับบรรยากาศในการทำงานร่วมกันที่ชัดเจนและต่อเนื่อง ในการผลักดันให้เกิดระบบนิเวศน์ของการใช้เทคโนโลยีที่วิจัยและพัฒนาขึ้นภายในประเทศ

           การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่าง 2 หน่วยงานในครั้งนี้มีขึ้น โดยมุ่งหวังให้งานวิจัยและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นนั้น สามารถนำไปสู่ผลกระทบต่อสังคม ก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ในวงกว้าง ต่อสังคมทุกภาคส่วน และเพื่อการขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นกลไกที่ช่วยส่งเสริมการทำงานวิจัยและสร้างนวัตกรรมร่วมกัน และนำไปสู่ความร่วมมือใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น รวมถึงเป็นการเพิ่มโอกาสสร้างความร่วมมือด้านการศึกษาและการวิจัยระดับบัณฑิต ศึกษา เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีสมรรถนะสูงตอบโจทย์การขับเคลื่อนประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาเชิงพื้นที่ รวมไปถึงการขับเคลื่อนประเทศในมิติการแพทย์และสาธารณสุขทั้งระดับประเทศและภูมิภาค ที่ผ่านมามีความร่วมมือในด้านการนำเทคโนโลยีทางนาโนจาก สวทช. มาช่วยพัฒนานวัตกรรมตรวจวัดตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ตับ และนวัตกรรมเซนเซอร์ตรวจหาโปรตีนบ่งชี้มะเร็งท่อน้ำดีเพื่อคัดกรองกลุ่มเสี่ยงระยะเริ่มแรกที่จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิต

          สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมสนับสนุนให้เกิดการขยายความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการวิจัยและพัฒนา ด้านนวัตกรรมทางการแพทย์และชีววิทยา ด้านเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และการประมวลผลทางคอมพิวเตอร์ ที่จะนำไปสู่การสร้างนวัตกรรม ผลงานวิจัย ตลอดจนผนึกกำลัง อาจารย์ นักวิจัย นักศึกษา ในการพัฒนาข้อเสนอโครงการวิจัยเพื่อขอรับการสนับสนุนทุนวิจัยจากภายในประเทศและต่างประเทศ บูรณาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบองค์รวมทั้ง 2 หน่วยงาน รวมถึงส่งเสริมและพัฒนาสนับสนุนนักศึกษาเพื่อปฏิบัติงานวิจัยและเพิ่มทักษะโดยใช้งานวิจัยเป็นฐานอีกด้วย

           ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า สวทช. มีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่ง ในการทำงานร่วมกับพันธมิตร ซี่งเป็นเจ้าของโจทย์ที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย  สวทช. พร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปเสริมการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจต่างๆ ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อสร้างเครือข่าย ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและการวิจัย โดยมีกรอบความร่วมมือครอบคลุม การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมทางการแพทย์และ ชีววิทยา ด้านเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และการประมวลผลทางคอมพิวเตอร์ เช่น ระบบปัญญา ประดิษฐ์(AI) นวัตกรรมด้านการเกษตรและอาหาร นวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรมสมัยใหม่ นวัตกรรม ด้านวัสดุศาสตร์และพลังงาน เป็นต้น การลงนามระหว่าง 2 หน่วยงาน มหาวิทยาลัยขอแก่นซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ บริการประชาชน และโรคประจะถิ่น  ผนวกกับความเชี่ยวชาญของเนคเทค สวทช. ในเรื่องของเทคโนโลยีขึ้นสูง

           ในส่วนการพัฒนานวัตกรรมการป้องกันดูแลรักษาวัณโรค ได้มีความร่วมมือกันระหว่าง ศูนย์วิจัยและบริการตรวจวินิจฉัยโรคติดเชื้อระบาดใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยการนำเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง พื้นผิวขยายสัญญาณ Raman ที่วิจัยพัฒนาโดย เนคเทค สวทช. มีชื่อว่า ONSPEC มาร่วมกันวิจัยเพื่อสร้างเป็นเครื่องมือ ที่มี ประสิทธิภาพในการตรวจคัดกรอง วัณโรคทั้งแบบแสดงอาการและวัณโรคระยะแฝงได้อย่างรวดเร็ว (ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชม จากเดิม 1-2 วัน) พร้อมทั้งร่วมกันพัฒนายื่นข้อเสนอขอทุนวิจัยไปยังองค์กร ต่างประเทศ (On process 80 %) ซึ่งมีเครือข่ายในการนำผลงาน ไปขยายผลทั่วโลก อันจะเป็นผล ในการเพิ่มประสิทธิภาพสู่การยุติ อุบัติการณ์ของวัณโรคตามเป้าหมายขององค์การ อนามัยโลก เพื่อยุติการแพร่ระบาดของวัณโรค ในปี 2035 อีกทั้งยังยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตเซนเซอร์และการบริการตรวจวัดของประเทศไทย ไปสู่ตลาดสากลต่อไป