อว.แถลงผลงานปี 2563 ชูวัคซีน –เทคโนโลยีอวกาศ ชี้ไทยทำได้ พร้อมมอบรางวัล11 ผลงานวิจัยเด่นด้านโควิด 19
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2563 ที่โรงแรมเรอเนสซองซ์ ราชประสงค์ กรุงเทพ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) จัดแถลงข่าวสรุปผลงาน เด่นปี 2563 พร้อมมอบรางวัลผลงานวิจัยและนวัตกรรมด้านการรับมือวิกฤติโควิด-19 โดย ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอว. เปิดเผยว่า ปี 2563 ถือเป็นปีแห่งความสำเร็จของ อว. ด้วยการนำวิทยาการต่าง ๆ มาพัฒนาประเทศไทย ซึ่งในปีนี้ กระทรวง อว.มีผลงานโดดเด่น ที่สำคัญ ที่ประเทศไทยสามารถคิดค้นและพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ได้ถึง 2 ตัวได้แก่ วัคซีนชนิด mRNA ที่กำลังจะเริ่ม ทดลองในมนุษย์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากใบยาสูบ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่ จากบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด สตาร์ทอัพจากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการแสดงพร้อมก้าวไปอีกขั้นในการผลิตวัคซีนได้เองตั้งแต่ต้นน้ำลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ
“อีกผลงานคือการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ ซึ่งเป็นเรื่องที่เหมือนกับว่าไม่สามารถเป็นไปได้ แต่เด็กไทยเก่งกว่าที่หลายๆคนคิด ปัจจุบันคนไทยสามารถสร้างดาวเทียมขนาด 1.5 – 5 กิโลกรัมขึ้นไปบนอวกาศได้ และกำลังพัฒนาไปสู่ดาวเทียมระดับ 50-100 กิโลกรัม ซึ่งหลังจากนั้นจะมีดาวเทียมที่แปรสภาพเป็นยานอวกาศ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการขับเคลื่อนเพื่อเข้าถึงระบบโคจรรอบดวงจันทร์ภายในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งเรื่องนี้ย้ำว่า เป็นการขยายความสามารถด้านเทคโนโลยีอวกาศ ไม่ใช่อยากไปดวงจันทร์ แต่เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมอวกาศ ที่ทั่วโลกกำลังพูดถึง ซึ่งจะเป็นหนทางสำคัญที่จะทำให้ประเทศหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง ประเทศไทยกำลังจะสร้างวิธีคิดใหม่ ว่าเราสามารถทำได้ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จของวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์”
ด้าน ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. เปิดเผยว่า ตลอดปี 2563 อว.มีเรื่องเด่น 3-4 เรื่อง โดยได้มีการประสานหลอมรวมระหว่างอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยในการทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว และจากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา อว.ได้มีการสนับสนุนการวิจัยด้านยา ชุดตรวจและวัคซีนรวมทั้งยังได้สนับสนุนข้อมูลทางวิชาการ งานวิจัยและนวัตกรรม วิเคราะห์ข้อมูลและติดตามให้กับศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนา ของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) โดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
ปลัด อว.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ อว.ยังมีบทบาทสำคัญในการให้บริการทางการแพทย์ และสาธารณสุขจากโรงเรียนแพทย์และโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยในสังกัด อว.กว่า 20 แห่งทั่วประเทศ ในการทำงานร่วมกับสาธารณสุขทุกแห่งเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์มาตั้งแต่การระบาดช่วงที่แล้วและต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ทั้งในส่วนของบุคลากร เจ้าหน้าที่ แพทย์และพยาบาล อุปกรณ์และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ พร้อมปฏิบัติหน้าที่รองรับผู้ป่วยอย่างเต็มกำลังความสามารถ สิ่งสำคัญคือมีนวัตกรรมทางการแพทย์ที่เกิดขึ้นจำนวนมาก ที่ทำให้เห็นว่าเราทำได้
ทั้งนี้งานวิจัยและนวัตกรรมด้านโควิดที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผลงานเด่นของกระทรวง อว.ในปี 2563 นี้ประกอบด้วย การพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคจากไวรัสโควิด-19 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพจากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ จำกัด ที่ก่อตั้งขึ้นโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้พัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากใบพืชได้สำเร็จในระดับห้องปฏิบัติการ และพร้อมก้าวไปอีกขั้นในการผลิตวัคซีนได้เองตั้งแต่ต้นน้ำลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ในโครงการ “วัคซีนเพื่อคนไทย”
ผลงาน “DDC-Care ระบบติดตามและประเมินผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019” จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่พัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทางด้านสาธารณสุขในการประเมินสถานการณ์ เตรียมการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค รวมถึงการรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที ซึ่งขณะนี้ระบบ DDC-Care ได้ถูกนำมาใช้เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ในการติดตามการกักตัวของผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ COVID-19 ที่ต้องกักตัวที่บ้าน เช่นในกรณีท่าขี้เหล็ก รวมถึงอยู่ระหว่างการประสานงานกับสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ในการนำระบบ DDC-Care ไปใช้กับแรงงานต่างด้าวที่ถูกกักตัวจากตลาดกุ้ง นอกจากนี้ระบบ DDC-Care ยังได้ถูกใช้สำหรับการติดตามและเฝ้าระวัง กลุ่มเสี่ยงที่ไม่ต้องกักตัวที่บ้าน เช่น คนขับรถบรรทุกที่รับส่งของจากชายแดน
ผลงาน“เครื่องพ่นละอองไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์” นวัตกรรมฆ่าเชื้อในห้องและอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อความปลอดภัยจากโควิด-19 ผลงานของศ.ดร.สนอง เอกสิทธิ์ และคณะจาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และเป็นผลงานวิจัยที่ได้รับรางวัลการวิจัยแห่งชาติ : รางวัลสิ่งประดิษฐ์คิดค้นประจำปี 2564 โดยคณะผู้วิจัยได้ออกแบบและพัฒนาเครื่อง VQ20 เพื่อใช้ฆ่าเชื้อในสถานที่ต่าง ๆ เช่น รถพยาบาล ห้องกักตัวผู้ป่วย อาคารสำนักงาน และเครื่อง VQ20+HP35 เพื่อฆ่าเชื้อบนเครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ ปัจจุบันมีการติดตั้งเครื่องดังกล่าวแล้วที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ฝ่ายประถม และที่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และหากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายจะร่วมมือกับบริษัท Startup เพื่อพัฒนาอุปกรณ์ในรูปแบบอื่น ๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์ เช่น เครื่องสำหรับฆ่าเชื้อในขวดนม จาน ชาม แก้วสำหรับบ้านที่มีเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือบ้านที่มีผู้ป่วย
นวัตกรรมชุด PPE ป้องกันการติดเชื้อสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ที่กรมวิทยาศาสตร์บริการ(วศ.)ร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน พัฒนาขึ้น เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนในภาวะวิกฤติ สามารถผลิตใช้เองได้ในประเทศและมีมาตรฐานในระดับสากล
ผลการศึกษาเบื้องต้น “มองภาพอนาคตประเทศไทย แนวทางการรับมือหลังวิกฤต COVID-19” โดยสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ร่วมกับ มูลนิธิสถาบันอนาคตไทยศึกษา ได้้ดำเนิินการศึึกษาและจััดทำภาพอนาคตประเทศไทยหลัังเผชิิญวิิกฤตโควิิด-19 และข้้อเสนอแนะเชิิงนโยบายเพื่่อขัับเคลื่่อนประเทศหลัังสถานการณ์์คลี่่คลาย ผ่่านการปรัับตััวใน 4 ระยะคือ ควบคุม คลี่คลาย ฟื้นตัวและปรับตัว และปรัับโครงสร้้างใหม่
โครงการวิจัยชุดนวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อการป้องกัน ตรวจวินิจฉัยและบำบัดรักษาการติดเชื้อโควิด-19 โดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) (ทีเซล ) เช่น หน้ากากอนามัย WIN-Masks ที่ทำจากผ้าเคลือบสารนาโนป้องกันไวรัส สามารถซักได้ 30 ครั้ง ซึ่งได้ผลิตและแจกจ่ายให้กับบุคลากรทางการแพทย์กว่า 2 แสนชิ้นทั่วประเทศ และ นวัตกรรม AI อัจฉริยะ สำหรับการวินิจฉัย วิเคราะห์ภาพเอ็กซ์เรย์ทรวงอกในการตรวจคัดกรอง โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมี โครงการ Science Delivery By ที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ปรับกลยุทธ์ รับมือ COVID-19 จากการปิดให้บริการทุกพิพิธภัณฑ์ชั่วคราวในช่วงมีนาคม 2563 และเปิดให้บริการในรูปแบบออนไลน์ เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ให้กับเยาวชนและประชาชน โดยทุกคนสามารถ เข้าถึงการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสนุกสนานได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่า จะอยู่ที่ใดในโลก
เครื่อง UBU-UVC: Smart Germicidal Irradiation Machine ช่วยลดความเสี่ยง ของการติดเชื้อโรคหรือไวรัส Covid -19 จากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี หุ่นยนต์โรยละอองยาฆ่าเชื้อ ช่วยลดความเสี่ยงให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน สามารถทำงานได้รวดเร็ว จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เครื่องฉายแสง UVC ที่มีชื่อเรียกว่า V-Free รุ่น SUV จากอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ บริษัท มณีจันทร์ ไอโอที โซลูชั่น จำกัด และ University Esports Championship ที่สำนักงาน ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) ร่วมมือกับบริษัท อินโฟเฟด จำกัด จัดขึ้นเพื่อพัฒนานักเรียน นักศึกษาที่สนใจในกีฬา eSports