อว.บูรณาการ 6 หน่วยงาน เดินหน้ายกระดับอาหารพื้นถิ่นด้วยการฉายรังสีพร้อมต่อยอดสู่อาหารฟังก์ชั่น

News Update

6 หน่วยงานกระทรวง อว. เดินหน้ายกระดับอาหารพื้นถิ่นด้วยการฉายรังสี   พร้อมต่อยอดสู่อาหารฟังก์ชั่น เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ    

              วันนี้ (5 ม.ค.67) นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง “การบูรณาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านงานวิจัย พัฒนานวัตกรรมและการใช้ประโยชน์” ระหว่าง 6  หน่วยงานหลักคือ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน.   สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และ 4 มหาวิทยาลัยราชภัฏ  คือ มรภ.อุดรธานี  มรภ.บุรีรัมย์ มรภ.สุรินทร์ และ มรภ.ศรีสะเกษ

            นายเพิ่มสุข  สัจจาภิวัฒน์  ปลัดกระทรวง อว. เปิดเผยว่า  อว. เป็นกระทรวงที่ดูแลและขับเคลื่อนองค์ความรู้ของประเทศ ทั้งการพัฒนากำลังคนขั้นสูง การวิจัยและพัฒนา การนำผลงานวิจัยและพัฒนาไปใช้ประโยชน์ และการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆในการขับเคลื่อนการวิจัย การลงนามความร่วมมือของทั้ง 6 องค์กรในวันนี้ จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่องค์กรด้านวิทยาศาสตร์และภาคการศึกษาได้มาสนับสนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงฯในยุทธศาสตร์ด้านการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เรื่องการพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยุคใหม่ การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม การส่งเสริมความรู้พื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งตรงกับยุทธศาสตร์ในเรื่องการวิจัยและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ของประเทศ และสร้างระบบนิเวศการวิจัย

            รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการ สทน. กล่าวว่า การยกระดับผลิตภัณฑ์อาหารพื้นถิ่น เพื่อให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐาน ด้วย “เทคโนโลยีและนวัตกรรม” เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงฯในวันนี้ จึงเกิดขึ้นเพื่อให้การฉายรังสีในอาหารเป็นที่ยอมรับและมีการใช้ประโยชน์แพร่หลายมากขึ้น และจากการที่ทุกวันนี้คนไทยตื่นตัวเรื่องการดูแลสุขภาพ  ส่งผลให้มี  อาหารฟังก์ชั่นและผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ เกิดขึ้นมากมาย  สทน. จึงมุ่งหวังนำเทคโนโลยีการฉายรังสี มาร่วมวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารฟังก์ชัน  ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ   เพื่อช่วยรับรองถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์  พร้อมสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพออกมาจำหน่าย ให้คนไทยได้มีสุขภาพที่ดีต่อไปด้วย

            สำหรับการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้  เป็นการดำเนินงานต่อยอดในพื้นที่ “ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ต่อเนื่องจากปี 2566 ที่ผ่านมา โดยในปี 2567 นี้ มีผลิตภัณฑ์อาหารพื้นถิ่น ในจังหวัดเป้าหมาย คือ มรภ.อุดรธานี  ได้แก่ หมกฮวก แหนมเนือง แหนมกบ ขนมปังญวณ / มรภ.บุรีรัมย์ ได้แก่ ยำกุ้งจ่อม ดักแด้ทรงเครื่อง แกงเผือกปลาย่าง ขนมตดหมา / มรภ.สุรินทร์ ได้แก่ หมาน้อย แกงกล้วย ปลาปิ้ง ข้าวต้มใบมะพร้าว และ มรภ.ศรีสะเกษ ได้แก่ “เบ๊าะกะต๊าด” หรือส้มตำกระดาษ แกงอ่อมปู แกงเปรอะทุเรียนภูเขาไฟ ไก่ย่างไม้มะดัน เป็นต้น

           โดยทุกหน่วยงานจะทำงานร่วมกันทั้งในเรื่องการจัดฝึกอบรมให้ความรู้ การสร้างการยอมรับเรื่องประโยชน์ของการฉายรังสีผลิตภัณฑ์ และอำนวยความสะดวกให้มีศูนย์ประสานงาน ในการส่งผลิตภัณฑ์เพื่อมาฉายรังสี รวมทั้งมีการใช้พื้นที่และทรัพยากรต่างๆ ร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การวิจัยและพัฒนาตัวสินค้า จนสามารถขยายไปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะนำไปจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศ

           “โอกาสนี้  อยากขอเชิญชวนผู้ประกอบการ  สมัครเข้าร่วมโครงการฯ   สทน.และหน่วยงานภาคีที่ MOU ร่วมกันในวันนี้ พร้อมแล้วที่จะนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่มีอยู่ มาช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการ ทั้งกลุ่ม OTOP วิสาหกิจชุมชน และSME ให้เป็นธุรกิจชุมชนที่เข้มแข็ง และมีผลิตภัณฑ์ที่มีทางเลือกและ มีโอกาสในการทำตลาดเพิ่มมากขึ้น ” ผอ.สทน.กล่าว

           ทั้งนี้ นับจากปี 2564 ที่ สทน.  ได้ร่วมกับสถาบันราชภัฏ นำเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ด้านการฉายรังสีอาหาร ลงไปส่งเสริมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้ผลิตอาหารพื้นถิ่น และกลุ่มผู้ประกอบการ SME ภายใต้โครงการ “การสร้างมูลค่าให้กับอาหารพื้นถิ่น ด้วยการฉายรังสีอาหาร” ทำให้ขณะนี้ มีผลิตภัณฑ์ที่เข้าร่วมโครงการแล้ว รวมทั้งสิ้น 543 ผลิตภัณฑ์