ปส.- อว. ยกระดับความปลอดภัยรังสีในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ปูทางสู่การกำกับดูแล อย่างยั่งยืน

News Update

อว. โดย ปส.  ร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ  มุ่งเสริมสร้างความรู้ ความเสี่ยงจาก NORM รวมถึงแนวทางการกำกับดูแลในภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ฯปูทางสู่การกำกับดูแล อย่างยั่งยืน

               นายแพทย์รุ่งเรือง  กิจผาติ   อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ  รักษาราชการแทน เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) กล่าวว่า  ภายใต้นโยบายของนางสาวศุภมาส อิศรภักดี  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ที่มุ่งยกระดับขีดความสามารถของประเทศด้านการกำกับดูแลความปลอดภัยทางรังสี พร้อมผลักดันการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์อย่างปลอดภัยและยั่งยืน เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนและการพัฒนาประเทศ ปส.  ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “Expert Mission to Create Awareness of NORM among NORM Industry (Mining) and Public”  ระหว่างวันที่ 9 – 13 มิถุนายน 2568 ณ ห้องประชุมแอลฟา อาคาร 60 ปี ปส. และโรงแรมแอทที บูทีค จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

               การประชุมในครั้งนี้จัดขึ้นโดยการสนับสนุนจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency: IAEA) ภายใต้โครงการเทคนิค “Enhancing National Capacities in Managing Radioactive Waste and Naturally Occurring Radioactive Material (NORM)”  ซึ่งมุ่งส่งเสริมขีดความสามารถของประเทศสมาชิกในการจัดการวัสดุกัมมันตรังสีตามธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยตามแนวทางสากล  โดยกิจกรรมดังกล่าวมุ่งเน้นการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงจาก NORM รวมถึงแนวทางการกำกับดูแลในภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่และกระบวนการแต่งแร่ ให้กับผู้เข้าร่วมทั้ง 38 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาครัฐ และสถานประกอบการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ปส. โดยมีการจัดกิจกรรมบรรยายทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การอภิปรายเชิงกลุ่ม รวมถึงการลงพื้นที่ศึกษาดูงานกระบวนการแต่งแร่จริงในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

               นายแพทย์รุ่งเรือง    กล่าวว่า การดำเนินการในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเตรียมความพร้อมด้านการกำกับดูแลความปลอดภัยจาก NORM ในระดับประเทศ ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในระดับภูมิภาค ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยทางรังสีของประเทศไทยให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล และสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต