กรมการแพทย์แผนไทย- สดร. คว้ารางวัล Platinum Awardใน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ  68”

News Update

                จบกันไปแล้วกับงาน ” มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568  หรือ Thailand Research Expo 2025 ” ซึ่งสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายวิจัยทั่วประเทศร่วมกันจัดขึ้น เมื่อวันที่ 16-20 มิถุนายนที่ผ่านมา  โดยเป็นเวทีสำคัญระดับประเทศในการนำเสนอความก้าวหน้าของงานวิจัยและนวัตกรรมไทย

                และเป็นประจำทุกปี… ที่ในวันสุดท้ายของงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ” จะมีการประกาศผลสุดยอดผลงานวิจัยและนวัตกรรม“Thailand Research Expo 2025 Award”   ซึ่งผลงานที่ได้รับรางวัล Platinum Award จะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัลและเกียรติบัตร

                … สำหรับในปีนี้ 2 หน่วยงานที่สามารถคว้า รางวัล Platinum Award  ไปครอง ได้แก่ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก  และ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)   หรือ สดร.

                 ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. กล่าวว่า  งาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568”   ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 20 ภายใต้แนวคิดหลัก  “Research for All เชื่อมต่ออนาคตไทย ด้วยวิจัยและนวัตกรรม”  มีผู้สนใจเข้าชมงานเป็นจำนวนมาก  แสดงให้เห็นว่าผลงานวิจัยและนวัตกรรมได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่ง  ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ    ขอแสดงความยินดีกับหน่วยงานที่ได้รับรางวัล Thailand Research Expo 2025 Award ซึ่งได้สะท้อนศักยภาพในการผลิตผลงานวิจัยที่โดดเด่น รวมถึงขอแสดงความยินดีกับนักวิจัยศักยภาพสูงศาสตราจารย์วิจัยดีเด่น วช. และเมธีวิจัยอาวุโส วช.ตลอดจนนิสิต นักศึกษา ที่ได้สร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรมได้อย่างน่าชื่นชมได้รับรางวัลผลงานนวัตกรรมสายอุดมศึกษาและรางวัลผลงานวิศวกรสังคมพัฒนาชุมชนดีเด่นในงานครั้งนี้

                ด้านดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการ วช.  กล่าวว่า วช.มุ่งสนับสนุนการนำเสนอผลงานวิจัยและกิจกรรมส่งเสริมการวิจัยคุณภาพอย่างต่อเนื่อง โดยกิจกรรม “Thailand Research Expo 2025 Award” ได้คัดเลือกผลงานที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านเนื้อหา รูปแบบการนำเสนอ และศักยภาพในการนำไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม โดยหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยขยายผลการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมในระดับประเทศอย่างกว้างขวาง

                ทั้งนี้ ผลงาน“นวัตกรรมตำรับยาจากกระท่อม สมุนไพรเศรษฐกิจทางการแพทย์แผนไทย เพื่อบำบัดผู้เสพติดบุหรี่ในระบบบริการสาธารณสุข”   จาก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก   เป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตำรับยาเหลืองกระท่อม ชนิดยาเม็ดแตกตัวในช่องปาก   เมื่อศึกษาในระดับโมเลกุลพบว่าสารสำคัญตำรับดังกล่าวออกฤทธิ์ต่อโมเลกุลเป้าหมาย nicotinic acetycholine receptor ซึ่งเป็นตัวรับ สัมพันธ์กับการบำบัดผู้ป่วยที่เสพติดบุหรี่   จากการศึกษาระดับเซลล์พบว่า นวัตกรรมดังกล่าวมีความปลอดภัยและปกป้องเซลล์ประสาทของมนุษย์ ซึ่งผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ ปลอดภัยตามมาตรฐานระดับสากล จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถใช้ในการบำบัดผู้ติดบุหรี่ด้วยสมุนไพรในระบบบริการสาธารณสุขต่อไป

                 ขณะที่ ผลงาน  “อุปกรณ์ตรวจวัดสภาพอวกาศ (Moon Alming Thai-Chinese Hodoscope – MATCH) ที่จะร่วมติดตั้งไปกับยานสำรวจอวกาศฉางเอ๋อ 7 สำหรับสำรวจสภาพอวกาศโดยรอบของดวงจันทร์ ภายใต้โครงการสถานีวิจัยนานาชาติบนดวงจันทร์ (ILRS)”  จาก สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)   หรือ สดร.   เป็นอุปกรณ์ตรวจวัดสภาพอวกาศ (  MATCH) อุปกรณ์วิจัยวิทยาศาสตร์ (Payload) แรกของคนไทยที่จะส่งไปโคจรรอบดวงจันทร์  โดยมีเป้าหมายเพื่อตรวจวัดอนุภาคมีประจุพลังงานสูง ศึกษาปริมาณของรังสีคอสมิกในอวกาศ  ซึ่งจะติดตั้งไปกับยานสำรวจอวกาศฉางเอ๋อ 7 ภายใต้โครงการสถานีวิจัยนานาชาติบนดวงจันทร์ (International Lunar Research Station: ILRS)

                ปัจจุบันทีมวิจัย ได้ดำเนินการประกอบ และทดสอบต้นแบบในระดับไฟฟ้าแล้วเสร็จ สามารถเชื่อมต่อการทำงานร่วมกับระบบของยานฉางเอ๋อ-7 ได้อย่างสมบูรณ์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการประกอบโมเดลเสมือนจริงและโมเดลจริง เพื่อทดสอบภายใต้สภาวะแวดล้อมจำลองที่ใกล้เคียงกับสภาพจริงเมื่ออุปกรณ์ทำงานในวงโคจรรอบดวงจันทร์  โดยมีกำหนดส่งมอบต้นแบบจริงหรือ flight model เพื่อทำการติดตั้งกับยานฉางเอ๋อ-7 ภายในเดือนกรกฎาคม 2568 และมีกำหนดการปล่อยยานเข้าสู่วงโคจรรอบดวงจันทร์ในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2569

                นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานที่ได้รับรางวัล Gold Award จำนวน 4 รางวัล  คือ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม   จากผลงาน “เจียระไนพฤกษมณี เคลื่อน BCG Model ด้วยงานวิจัย”  มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ  จากผลงาน  “อัญมณีแห่งเวียงโกศัย: Soft Power ผ่านมรดกวัฒนธรรมไทย (Jewels of Wiang Kosai)”   สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์  จากผลงาน  “การสร้างมูลค่าเพิ่มจากข้าวสินเหล็ก สู่ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ”  และกรมปศุสัตว์   จากผลงาน  “หมูดำกรมปศุสัตว์: พันธุกรรมเพื่อผลิตเนื้อคุณภาพสูงและใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน”

                ส่วนรางวัล Silver Award จำนวน 6 รางวัล  คือ มหาวิทยาลัยทักษิณ  จากผลงาน  “การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อยกระดับห่วงโซ่คุณค่าขันโรงในพื้นที่ภาคใต้ตอนกลาง ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG”  มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงจากผลงาน “การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสร้างพลังสร้างสรรค์ Soft Power มวยไทยสู่สากล”  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จากผลงาน “นวัตกรรมรองเท้าอิเล็กทรอนิกส์และระบบต้นแบบสำหรับระบบแพทย์ระยะไกลในผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวและผู้สูงอายุ”   มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์  จากผลงาน “การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยห่วงโซ่คุณค่าปลาดุกที่มีผลกระทบสูง จังหวัดปทุมธานี”  มหาวิทยาลัยรังสิต จากผลงาน  “มอสสกัดจากข้าวไทย” และสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)  จากผลงาน  “การต่อยอดชุดมาตรฐานโลหะเงินชุบทองคำ สำหรับวิเคราะห์ความหนางานชุบพื้นผิวด้วยเทคนิค XRF เพื่อประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรม”

                ขณะที่รางวัล Bronze Award จำนวน 9 รางวัล  คือ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) จากผลงาน  “เครื่องสังเคราะห์กราฟีนสู่การนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์”  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี  จากผลงาน  “ศรีมโหสถ: พลังสร้างสรรค์แห่งสุนทรียะศิลปะและภูมิปัญญา เพื่อขับเคลื่อน Soft Power และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน”   มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ  จากผลงาน  “การวิจัยสารสกัดใบมะม่วงน้ำดอกไม้สู่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง”  สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน   จากผลงาน  “การเปรียบเทียบปริมาณโปรตีนจากแหนแดงและแหนเปิด เพื่อใช้ทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ในโจ๊กกึ่งสำเร็จรูปสำหรับผู้สูงอายุ” 

                มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี   จากผลงาน  “สุราษฎร์ธานีเมืองสมุนไพร: นวัตกรรมแปรรูปขมิ้นชันเพื่อยกระดับวิสาหกิจชุมชนสู่ตลาดโลก”  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ  จากผลงาน “อาหารเสริมสำหรับชันโรง”  สถาบันวิทยสิริเมธี  จากผลงาน  “การพัฒนาสารกึ่งตัวนำอินทรีย์-อนินทรีย์ สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แห่งอนาคต” มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร  จากผลงาน  “นวัตกรรมเส้นใยใบอ้อยสู่ผลิตภัณฑ์สิ่งทอพื้นถิ่น”  และมหาวิทยาลัยศิลปากร   จากผลงาน  “การพัฒนาเพื่อขยายผลความยั่งยืนของเมืองเพชรบุรีสู่ย่านสร้างสรรค์ต้นแบบระดับอำเภอ”

                สำหรับรางวัลชมเชย มีจำนวน 14 รางวัล คือ  สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย  จากผลงาน  “จุลินทรีย์ BioD I วว. ย่อยสลายตอซังข้าว ลดการเผา ลดก๊าซเรือนกระจก”  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก   จากผลงาน  “นวัตกรรมกุ้งยุคใหม่ พร้อมก้าวไกลสู่ตลาดโลก (Shrimp Next: Sustainable & One Health)”  มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม    จากผลงาน  “เครื่องประดับรักษ์โลกจากใบอ้อยเหลือทิ้งเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน”   มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์   จากผลงาน  “กลไกยกระดับเศรษฐกิจฐานรากสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะเนื้อ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์”  มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี   จากผลงาน  “เพิ่มความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากและศักยภาพชุมชนทุนวัฒนธรรมในเขมราฐ-นาตาล”

                 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค   จากผลงาน  “อุปกรณ์แจ้งเตือนน้ำประปารั่วไหล (Water Leak Alert)” กรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหม จากผลงาน  “ปืนเล็กยาว ขนาด 9 มม.”  การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จากผลงาน  “โรงงานต้นแบบรีไซเคิลแบล็คแมสจากแบตเตอรี่ลิเธียม: Thailand’s First Lithium Black Mass Recycling Plant”  มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์  จากผลงาน  “ทุนวัฒนธรรมรอบสันทรายโบราณเพื่อเศรษฐกิจชุมชน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช”  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  จากผลงาน  “ไมโครเอนแคปซูเลทบาซิลลัส 63-11 สำหรับใช้เป็นโพรไบโอติกในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร”  สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา  จากผลงาน  “นวัตกรรมดนตรีสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาชุมชน: กรณีศึกษาชุมชนบางยี่ขัน”  มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์  จากผลงาน  “เทคโนโลยีชุดตีเกลียวและเก็บเส้นไหมพุ่งเข้าหลอดขนาดเล็ก เพื่อเศรษฐกิจฐานรากใน จ.สุรินทร์”  มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง  จากผลงาน  “ห่วงโซ่คุณค่าสมุนไพรแม่มอก แก้ปัญหาความยากจนด้วย Mearnok Herbal Valley: แม่มอกแดนสมุนไพร”  และบริษัท แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)  จากผลงาน  “การประเมินผลกระทบทางสังคมจากโครงการ Green Energy Green Network for THAIs”