กว่า 4 เดือนบนเส้นทางแห่งการสร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรม Crime Tech ในโครงการ “True CyberSafe x TrueMoney Hackathon Thailand 2025” ที่ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมกับ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด จัดขึ้น โดยได้รับความร่วมมือจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด และสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

และ 4 ธันวาคม 2568 ก็คือ เวทีไฟนอล Pitching Day ของ 6 ทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายในระดับประชาชนทั่วไปหรือสตาร์ทอัพ ที่พร้อมประชันไอเดียในการนำเสนอโซลูชันรับมือภัยไซเบอร์ที่สามารถพัฒนาให้เกิดขึ้นจริงได้
ดร.เนตรชนก วิภาตะศิลปิน หัวหน้าสายงานด้านความยั่งยืนองค์กร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ทรู คอร์ปอเรชั่น ตระหนักถึงบทบาทและความรับผิดชอบ ในฐานะเทคคอมปานีของไทยที่มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจบนแนวทางแห่งความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในยุคที่ภัยไซเบอร์ทวีความซับซ้อนและกระทบต่อชีวิตประจำวันของคนในสังคม โดยปีนี้ โครงการ True CyberSafe x TrueMoney Hackathon Thailand 2025 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ได้เห็นพลังความคิดสร้างสรรค์ของนวัตกรไทยในการพัฒนาผลงานต้นแบบที่เป็นโซลูชันปกป้องภัยไซเบอร์ที่ใช้ได้จริง ทั้งช่วยให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตปลอดภัยขึ้น หรือทำธุรกรรมออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของคนรุ่นใหม่ที่เปี่ยมด้วยความรู้และทักษะด้านเทคโนโลยี อันเป็นกำลังสำคัญในการเสริมเกราะป้องกันภัยไซเบอร์ ให้คนในสังคมดิจิทัลและโลกออนไลน์ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งทรูจะยังคงมีการติดตามผล พร้อมสนับสนุนโอกาสในการก้าวสู่ตลาด Crime Tech ต่อไป
“งานในวันนี้ไม่ใช่แค่เพียงงานประกวด แต่ถือว่าเป็นการสร้างสังคมดิจิทัลปลอดภัยสำหรับทุก ๆ คน ซึ่งทรู เชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีจะมีคุณค่าอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อช่วยสร้าง ช่วยชีวิตคนให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น มีโอกาสมากขึ้น และมีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น โดยโครงการนี้ได้เปิดโอกาส ให้นิสิต นักศึกษา ประชาชนทั่วไป รวมถึงบริษัทสตาร์ทอัพ สร้างนวัตกรรม Crime Tech เพื่อป้องกันภัยในทุกอาชญากรรมทางไซเบอร์”
ดร.เนตรชนก กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีคน ไทยกว่า 65 ล้านคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และกว่า 51 ล้าน คนใช้โซเชียลมีเดีย การเข้าถึงสื่อต่างๆ ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นการสร้างโอกาส แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่จะถูก แสวงหาผลประโยชน์ทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เด็ก และผู้สูงอายุ ที่ตกเป็นเหยื่อมากขึ้น ในขณะเดียวกัน “วิกฤต ก็คือ โอกาส” ซึ่งหมายถึง โอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งคาดว่ามูลค่าการลงทุน ด้าน Cyber Security ในประเทศไทย ปี 2568 มีมูลค่าประมาณ 18,000 ล้านบาท และยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งในโครงการนี้ได้มีการคัดเลือกจาก 89 ทีม ทั่วประเทศ เหลือ 6 ทีมสุดท้าย ที่ได้สร้างสรรค์โซลูชั่นเพื่อป้องกันคน ไทยจากภัยไซเบอร์ โดยการแข่งขันได้แบ่งเป็นการตอบโจทย์ใน 2 ด้านคือ ด้านการใช้อินเทอร์เน็ตปลอดภัย และด้านการใช้เงินปลอดภัย

สำหรับด้านการใช้อินเทอร์เน็ตปลอดภัย มี 3 ทีมเข้ารอบ คือ 1.ทีม Scamfity-AI ค้นหาและตรวจจับเพจปลอมบนโซเชียลมีเดียพร้อมแจ้งเตือนลูกค้าทรูที่เสี่ยงถูกหลอก 2.ทีม Sudo Protect Me -เราเตอร์อัจฉริยะ ควบคุมเวลาใช้งานพร้อมวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานรายบุคคล และ 3.ทีมแพรวา No.1 – AI ตรวจจับบทสนทนาทางโทรศัพท์ว่าเป็นมิจฉาชีพหรือไม่

ส่วนอีก 3 ทีมที่เข้ารอบด้านการใช้เงินปลอดภัย ประกอบด้วย 1.ทีมนิ่งว้ายยยยย-ฟีเจอร์ความปลอดภัยสำหรับแอพพลิเคชั่นทางการเงินและกระเป๋าเงินดิจิทัล ให้ลูกหลานสามารถตรวจเช็คการใช้งานและธุรกรรมของผู้สูงอายุ โดยมีคนใกล้ตัวช่วยสอดส่องภัยจากมิจฉาชีพ เพื่อให้ทุกการใช้จ่ายเป็นไปอย่างปลอดภัย 2. ทีม True Hold Pay -บัญชีตัวกลางพักเงินในทรูมันนี่ วอลเล็ต สร้างความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือให้กับการซื้อขายบนโซเชียลคอมเมิร์ซ และ3.ทีม THEN แชตบอทช่วยเหยื่อที่ถูกหลอกโอนเงินผ่านแชต โดยรวบรวมข้อมูลและสร้างใบแจ้งความอัตโนมัติ ช่วยผู้เสียหายลดขั้นตอนและเวลาในการเตรียมหลักฐาน


ทั้ง 6 โซลูชั่นจาก 6 ทีมดังกล่าว คาดว่าจะช่วยป้องกัน ภัยไซเบอร์ให้กับผู้ใช้งาน กว่า 530,000 คน ในปีแรก และสร้างผลตอบแทนทางธุรกิจกว่า 290 ล้านบาทต่อปี
สำหรับผลการแข่งขัน คณะกรรมการจะ พิจารณาจากเกณฑ์การตัดสินที่ดูจากการตอบโจทย์ปัญหาของกลุ่มเป้าหมาย ความเป็นนวัตกรรม ความสามารถในการปรับใช้กับทรูและทรูมันนี่ การพัฒนาให้เกิดขึ้นจริงของผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ความน่าสนใจและความเป็นไปได้ของรูปแบบธุรกิจ และความน่าสนใจในการนำเสนอ

ซึ่งหลังการ Pitching ทีมที่สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ โดนใจกรรมการด้วยผลงานอันโดดเด่นและยังคว้ารางวัลขวัญใจสื่อมวลชนไปครองก็คือ ทีม Scamtify ที่พัฒนาAI ในการล่าเพจปลอม เพื่อแก้ปัญหาให้กับคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่มักถูกหลอกลวงจากการเข้าถึงเพจปลอมบนโซเชียลมีเดีย โดยตั้งเป้าหมายช่วยปกป้องผู้ใช้งานได้ 360,000 คน หรือ 3 % ของสถิติผู้เป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์บน Facebook ในปีแรก สมาชิกทีมนี้ประกอบด้วย นายวริทธิ์ มหิตธิ นายธนสาร เซ่งเจริญ นายปารินทร์ ลิขิตวรศักดิ์ และนายปวริศ เรืองจุติโพธิ์พาน

ส่วนทีมที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 คือ ทีม Sudo Protect Me – เราเตอร์อัจฉริยะ ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาเยาวชนไทยตกเป็นเหยื่อจากการถูกหลอกลวงทางออนไลน์ จากการเข้าถึงเว็บไซต์การพนันออนไลน์ และเว็บไซต์อนาจาร ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถช่วยปกป้องบุตรหลาน และคนในครอบครัวมีความเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าหมายสามารถป้องกันมากกว่า 10,000 ครัวเรือนในปีแรก ทีมนี้มีสมาชิกประกอบด้วย นายอธิชา เจริญธนกิจกุล นายณัชธพงศ์ พิมพ์ภสันต์ นางสาวธัญชนก เลิศเสถียรชัยและนางสาวสุชานรี ศรีเฉลิม

ขณะที่ทีมที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 คือ ทีม แพรวา No.1 ซึ่งพัฒนา AI ตรวจจับบทสนทนาทางโทรศัพท์ว่าเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ โซลูชั่นนี้น้องๆ จากมหาวิทยาลัยมหิดลพัฒนาขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่มีปัญหาการถูกหลอกลวงจากการติดต่อผ่านการคุยโทรศัพท์ โดยตั้งเป้าหมายลดผู้เสียหายถูกหลอกลวงได้มากกว่า 2,500 คน ในปีแรก สมาชิกในทีมประกอบด้วยนางสาวแพรวา มั่นคง นางสาวนิภัสสา ชัยนิวัฒนา นางสาวนิติวดี ลิมปยารยะ นายปรเมศร์ เอี่ยมละออง และ นางสาวมนัสวีรภัทร แก้วอุไร
สนใจชมสุดยอด 6 ผลงานนวัตกรรมสู้ภัยไซเบอร์ ฝีมือของนวัตกรไทยรุ่นใหม่ได้ที่เฟซบุ๊ก ทรู แล็บ: https://www.facebook.com/truelab.trueinnovation
