คณะวิทย์ มธ. เปิดตัว”Oryzwel” ผลิตภัณฑ์ข้นหวานจากข้าวและธัญพืช บุกตลาดคนรักสุขภาพ

Inno Market

นักวิจัยฟู้ดไซน์  มธ. เปิดตัวอาหารทางเลือก “Oryzwel” ผลิตภัณฑ์ข้นหวานจากข้าวและธัญพืช มีดัชนีน้ำตาลปานกลางถึงต่ำและธัญพืช ไม่ใส่วัตถุกันเสีย มาพร้อมคุณค่าทางโภชนาการ เหมาะกับผู้ที่รักสุขภาพ ผู้มีอาการแพ้กลูเตน และผู้ที่หลีกเลี่ยงการรับประทานนมจากสัตว์ ให้อาหารทุกมื้อมีรสหวานได้ โดยไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลทรายและนมวัว  

                ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กฤติยา เขื่อนเพชร อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (SCI-TU)  เปิดเผยว่า เทรนด์การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เพื่อลดภาวะเสี่ยงการเกิดโรคจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการรับประทานอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็มเกินไป จึงนำไปสู่ความร่วมมือกับทีมวิจัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ต่อยอดความรู้ฟู้ดไซน์ (Food Science) ยกระดับข้าวไทยสายพันธุ์ กข 43 ที่มีดัชนีน้ำตาลปานกลางถึงต่ำ พัฒนาเป็นนมข้าวข้นหวานต้นแบบที่ลดการเติมน้ำตาล เทียบปริมาณน้ำตาลกับนมข้นหวานทั่วไป จาก 40 % เหลือ 8  %

                ผศ.ดร.กฤติยา กล่าวว่า ปัจจุบันงานวิจัยชิ้นนี้ได้รับการต่อยอดจากโจทย์ของผู้บริโภค เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงกลุ่มที่มีความต้องการพิเศษ อาทิ ผู้ที่แพ้กลูเตนและนมวัว ทำให้ทีมวิจัยคณะวิทย์ มธ. ร่วมกับ บริษัท อิมฟู้ด ครีเอชั่น จำกัด ได้พัฒนาสูตรใหม่ ด้วยการไม่เติมน้ำตาลทราย ไม่ใส่นมวัว ไม่ใส่วัตถุกันเสีย และเพิ่มธัญพืชชนิดต่างๆ สู่ฟู้ดฟังก์ชัน (Functional Food) จึงได้เป็นสูตรใหม่ในชื่อ “Oryzwel” ผลิตภัณฑ์ข้นหวานจากข้าวและธัญพืชสูตรมังสวิรัติ ที่มาพร้อมพรีไบโอติกและใยอาหาร อาทิ ฟรักโทโอลิโกแซ็กคาไรด์ (Fructo-Oligosaccharide) และอินูลิน (Inulin) ที่นอกจากจะให้ความหวานแล้ว ยังเพิ่มประโยชน์แก่ผู้บริโภคในการปรับสมดุลลำไส้ ช่วยระบบขับถ่าย เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่รักสุขภาพ สายมังสวิรัติ สายวีแกน ผู้ที่อยู่ในระหว่างการควบคุมน้ำหนัก ตลอดจนผู้ที่แพ้นมวัวและกลูเตน สามารถลิ้มรสความหวานอร่อยได้ตามปกติ โดยไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ แคลอรี่น้อย ไม่เพิ่มน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว

                โดยสามารถนำมาใช้เป็นดิปปิ้ง (Dipping) กับผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ หรือเป็นท้อปปิ้ง (Topping) ราดบนน้ำแข็งใส ชงผสมกับเครื่องดื่มร้อน  ชา โกโก้ หรือทำเป็นเครื่องดื่มเย็นอย่างสมูทตี้ได้  โดย Oryzwel’  ผลิตภัณฑ์ข้นหวานจากข้าวและธัญพืช สามารถเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องได้นานถึง 1 ปี เนื่องจากนำไปผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูงภายใต้ความดัน (Sterilization) ซึ่งปัจจุบันมีจำหน่ายในขนาดบรรจุถุงละ 120 กรัม ราคา 129 บาท โดยเปิดให้สั่งซื้อแล้ววันนี้ในช่องทางออนไลน์ที่ www.facebook.com/Oryzwel/” ที่มีให้เลือกถึง 3 สูตร ประกอบด้วย

               1. สูตรออริจินัล ให้กลิ่นหอมข้าว ถั่วเหลือง และธัญพืช  รสชาติหวานอร่อย ได้สุขภาพ

               2. สูตรเมล็ดฟักทอง ไม่มีส่วนผสมของสารก่อภูมิแพ้ 9 ชนิด

               3. สูตรงาดำโกโก้ หวานอร่อย ได้รสชาติโกโก้เข้มข้น

                งานวิจัยนี้ได้รับการจดอนุสิทธิบัตรในนามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยปัจจุบันมีการขอใช้สิทธิและนำไปต่อยอดโดยบริษัท อิมฟู้ด ครีเอชั่น จำกัด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังได้เข้าสู่กระบวนการผลิตในระดับอุตสาหกรรมที่มีความปลอดภัย และได้จดแจ้งเป็นผลิตภัณฑ์ข้นหวานจากข้าวและธัญพืช จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ทั้งนี้ ผลงานวิจัย ‘ผลิตภัณฑ์ข้นหวานจากข้าวและธัญพืช สูตรมังสวิรัติ’ ได้รับรางวัลเหรียญทอง จากเวทีประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมระดับนานาชาติ “Inventions Geneva Evaluation Day – Virtual Event” เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส

                ทั้งนี้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ถือเป็นกรณีศึกษา (Case Study) สำหรับคนรุ่นใหม่ เพื่อเป็นแบบอย่างในการต่อยอดองค์ความรู้ ที่สามารถนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารทางเลือก ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคเกษตรของไทย และเกิดเป็นธุรกิจ SMEs ที่สร้างรายได้ในอนาคต โดยที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ทีมวิจัยได้ประสบความสำเร็จจากการประกวดดังกล่าว ทำให้มีผู้ประกอบการร้านอาหารและคาเฟ่ ติดต่อขอซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อนำไปประกอบธุรกิจอาหารทางเลือก เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ ที่มียอดการสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์อย่างต่อเนื่อง

                “คณะวิทย์ มธ. มีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมไอเดียของคนรุ่นใหม่ ต่อยอดศักยภาพของ Gen Z โดยทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง เชื่อมโยงโอกาสตามความสนใจของผู้เรียน พร้อมถ่ายทอดความรู้ที่ครอบคลุม ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการอาหาร และแนวคิดการเป็นผู้ประกอบการ โดยคณะวิทย์ฯ มธ. เตรียมเปิดรับสมัครนักศึกษาปริญญาตรีเข้าศึกษาต่อ รอบแอดมิดชัน (Admission) ระหว่างวันที่ 7-13 พฤษภาคมนี้ จำนวน 2 สาขา ได้แก่ 1. สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร (Food Science and Technology) และ 2. สาขาวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมทางอาหาร (Food Science and Innovation)” ผศ.ดร.กฤติยา กล่าว