วศ.อว. ดันมาตรฐาน “เฝือกขาจากยางพารา” ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยและเครื่องมือแพทย์ อย.สำเร็จ

News Update

            ปัญหานวัตกรรมไทยในปัจจุบัน แม้ประสบความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนา แต่ก็ยังไม่สามารถผลักดันสู่การใช้งานจริงได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะขาดการรับรองคุณภาพ เนื่องจากเป็นนวัตกรรมใหม่ จึงยังไม่มีการจัดทำมาตรฐานมารองรับ

           กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย “นางสาวศุภมาส อิศรภักดี” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ  เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว  จึงเร่งให้มีจัดทำมาตรฐานเพื่อมาใช้อ้างอิงในการรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่เกิดจากงานวิจัย เพื่อให้สามารถขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย โดยมอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) ในฐานะองค์กรกำหนดมาตรฐาน (Standards Developing Organization หรือ SDO) ของประเทศไทยพัฒนาดำเนินการ เพื่อนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์สู่การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และประชาชนระดับพื้นที่

           นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ  อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ  กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมวิทยาศาสตร์บริการ ได้ประสานความร่วมมือกับนักวิจัยทั้งภายในและภายนอกกระทรวง อว. ในการจัดทำมาตรฐาน (Standards) หรือข้อกำหนดคุณลักษณะ (Specifications) ตามหลักการในการจัดทำมาตรฐานสากล  ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของท่านรัฐมนตรี อว.ที่เร่งผลักดันผลิตภัณฑ์นวัตกรรมด้วยการจัดทำมาตรฐานเพื่อรับรองคุณภาพผลงานวิจัยและนวัตกรรม

            โดยล่าสุด…วศ.อว.ได้จัดทำข้อกำหนดคุณลักษณะเฝือกขาจากยางพารา (Bio-Slab) เพื่อใช้อ้างอิงในการรับรองคุณภาพของผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเฝือกขาจากยางพารา จนขณะนี้สามารถผลักดันให้สามารถขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย (Thailand Innovation) ของสำนักงบประมาณ และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์จากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งนับเป็นการต่อยอดงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้จริง ด้วยการแปลงนวัตกรรมเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจและคุณค่าทางสังคม ส่งผลให้เกิดการสร้างมูลค่า (Value Creation) แก่ผลิตภัณฑ์

           สำหรับงานวิจัยเฝือกขาจากยางพารา (Bio-Slab)  เป็นผลงานวิจัยของ “นายแพทย์นิยม  ละออปักษิณ” และ “ทีมนักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ” ซึ่งเกิดขึ้นตามนโยบายการเพิ่มการใช้ยางพาราภายในประเทศตามแผนยุทธศาสตร์ยางพาราระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) โดยพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นอุปกรณ์ทางเลือกใช้แทนเฝือกปูนแบบเดิม

           ข้อดีของเฝือกขาจากยางพารา คือ มีความแข็งแรง น้ำหนักเบา ยืดหยุ่น ทำความสะอาดง่าย สะดวกต่อการใช้งาน สามารถใส่เองที่บ้านได้และมีประสิทธิภาพในการประคองข้อเท้าได้ดี ด้วยคุณสมบัติของยางพาราทำให้ผลิตภัณฑ์เฝือกที่ได้มีความแข็งที่เหมาะสมกับการใช้งานเป็นเวลานาน

           งานวิจัยนี้ประสบความสำเร็จตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 แต่ยังไม่มีการนำไปใช้งานจริงเนื่องจากยังไม่มีมาตรฐานที่ใช้ในการรับรองคุณภาพของเฝือกขาที่ผลิตขึ้น จนกระทั่ง วศ.อว.เข้าไปมีส่วนในการจัดทำข้อกำหนดคุณลักษณะของเฝือกขายางพาราดังกล่าว และได้ประกาศใช้ ข้อกำหนดคุณลักษณะเฝือกขาจากยางพารา “DSS 4″  ซึ่งได้กำหนดคุณลักษณะต่างๆ ที่เหมาะสม เช่น ปริมาณยางพารา สมบัติทางฟิสิกส์ เพื่อใช้ในการควบคุมคุณภาพของเฝือกขาจากยางพาราที่ผลิตได้และสามารถนำไปใช้อ้างอิงในการรับรองคุณภาพการขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทยได้สำเร็จ

            นับเป็นการต่อยอดงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ได้จริง ทั้งนี้บัญชีนวัตกรรมไทยเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมไทย โดยผลิตภัณฑ์หรือบริการนวัตกรรมที่ขึ้นทะเบียนได้จะต้องมีคุณภาพตรงตามที่ระบุในเอกสารกำกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ โดยหน่วยงานของรัฐที่มีความต้องการจัดซื้อจัดจ้างที่ตรงตามรายการในบัญชี สามารถจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจงได้.