เส้นทางการเป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจใหม่ หรือ “สตาร์ทอัพ” ที่สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดและขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วนั้น ไม่ใช่เรื่อง “ง่าย” โดยเฉพาะกับ “ ดีพเทคสตาร์ทอัพ Deep Tech Startup ” ที่ต้องอาศัยความสามารถในการวิจัยและพัฒนา และใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมาเป็นผลิตภัณฑ์และบริการ
ดังนั้นการสนับสนุน Deep Tech Startup ผ่าน Accelerator Platform หรือแพลตฟอร์มบ่มเพาะต่าง ๆ จึงมีความสำคัญในการช่วยเร่งการพัฒนานวัตกรรม ลดความเสี่ยง เชื่อมโยงและปิดช่องว่าง ในการนำงานวิจัยหรือนวัตกรรมออกสู่เชิงพาณิชย์ และสามารถขยายตลาดสู่ระดับโลก ซึ่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศได้อย่างยั่งยืน
ที่ผ่านมากระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ซึ่งเป็นแกนหลักในการดำเนินงานและสนับสนุนทุนพัฒนา Deep Tech Startup ไทย ในช่วง Pre venture building ได้สนับสนุนทุนในการสร้างแพลตฟอร์มดังกล่าวให้กับหน่วยงานและมหาวิทยาลัยจำนวน 10 แห่ง (12 platforms) ซึ่งปัจจุบันมี Deep Tech Startup มากกว่า 90 บริษัท ที่ได้รับการพัฒนาจากโครงการฯ และมีผลิตภัณฑ์นวัตกรรมออกสู่ตลาดแล้วกว่า 90 รายการ
และ “ บริษัท แนบโซลูท จำกัด (Nabsolute Co., Ltd.) ” ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทดีพเทคสตาร์ทอัพ ภายใต้การบ่มเพาะ ของ “CU Innovation Hub” ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยตรงจาก บพข. และยังได้รับทุนสนับสนุนจาก บพข. ในการสร้างมาตรฐานเพื่อทำตลาดในประเทศจีนอีกด้วย
นายบริภัณฑ์ ฤทธิ์ถกล Head of Commercial บริษัท แนบโซลูท จำกัด เปิดเผยว่า แนบโซลูท เป็นสตาร์ทอัพ ที่เกิดขึ้นจากงานวิจัยของ “รศ.ภญ.ดร.จิตติมา ลัคนากุล” คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งพัฒนาเทคโนโลยีระบบนำส่งสารสำคัญที่เรียกว่า “Hy-N” ขึ้น ตั้งแต่ปี 2558 ปัจจุบันใช้ชื่อเทคโนโลยีดังกล่าวว่า “ HyaSphereX”
ทีมวิจัยได้มีการก่อตั้งเป็น บริษัท แนบโซลูท จำกัด ขึ้นในปี 2563 และเข้าร่วมในศูนย์บ่มเพาะของศูนย์นวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ CU Innovation Hub โดยเป็นดีพเทคสตาร์ทอัพด้านไบโอเทค ที่มุ่งเน้นนำความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์พอลิเมอร์และชีววัสดุศาสตร์ มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาและแก้ปัญหาในผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอางและยา
น.ส.กิตติมา เล็กมณี Head of Research & Development ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “เทคโนโลยี HyaSphereX” เป็นระบบนำส่งสารสำคัญผ่านผิวหนังเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่าระบบนำส่งแบบไลโปโซม (Liposome) ซึ่ง HyaSphereX จะสามารถช่วยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสารออกฤทธิ์ และสามารถนำพาสารออกฤทธิ์ทางเครื่องสำอางให้ออกฤทธิ์ได้ตรงจุด เพิ่มความคงตัวของสารออกฤทธิ์ ลดการเสื่อมสลาย หรือชะลอการเสื่อมสลายของสารออกฤทธิ์ อีกทั้ง HyaSphereX ยังสามารถให้คุณประโยชน์เป็นสารออกฤทธิ์ได้ในเวลาเดียวกัน เช่น การเพิ่มความชุ่มชื้น การป้องกันแสงแดด เป็นต้น
ทั้งนี้ HyaSphereX เป็นอนุพันธ์กรดไฮยาลูโรนิก ที่ได้รับการตัดต่อโมเลกุล มีคุณสมบัติเฉพาะ ทำให้สามารถก่อตัวเป็นนาโนเจล (nanogel) ที่มีขนาดเล็กระดับนาโน สามารถใส่สารออกฤทธิ์ทางเครื่องสำอางลงไปและปลดปล่อยสารสำคัญออกมาเมื่อสัมผัสกับอุณหภูมิร่างกาย โดยสามารถสลายตัวใต้ชั้นผิวหนังและปลดปล่อยสาระสำคัญและคุณประโยชน์อื่นๆ ให้แก่ชั้นผิวหนังได้
จากความโดดเด่นของเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ทำให้บริษัทแนบโซลูท จำกัด ได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2566 ด้านเศรษฐกิจ ประเภทวิสาหกิจขนาดย่อมและวิสาหกิจรายย่อย จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) และคว้ารางวัลชนะเลิศ “ BSB Innovation Award 2024” ในหัวข้อ “Most Innovative Raw Material” ประเภท Functional Ingredients จากงาน “in-cosmetics global 2024” ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
น.ส.กิตติมา กล่าวว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของแนบโซลูทผ่านการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทั้งการทดสอบการระคายเคืองและการแพ้ ทางผิวหนัง เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยก่อนวางจำหน่าย
“ การใช้เทคโนโลยี HyaSphereX ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะที่พัฒนาขึ้น จะเพิ่มความคงตัวและประสิทธิภาพของสารสำคัญในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและยา ช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ ปัจจุบันแนบโซลูท ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ 3 ชนิดหลัก ได้แก่ HyaSphereX, HyaSphereCBD, และ HyaSphereREVIVE ซึ่งเน้นการแก้ไขปัญหาผิวหนังและเสริมสุขภาพผิว”
นายบริภัณฑ์ มองว่า ในตลาดเครื่องสำอางและยา ยังมีช่องว่างในตลาดที่ท้าทาย เพราะยังขาดเทคโนโลยีการนำส่งใหม่ ๆ ที่จะทำให้สารสำคัญสามารถออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันวิธีการผลิตและทำผลิตภัณฑ์ในขั้นตอนสุดท้าย ยังมีความยุ่งยากและซับซ้อน ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อย มีต้นทุนในการผลิตที่ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ผู้บริโภคยังต้องการสารสำคัญที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้นบริษัทจึงมุ่งเป้าการเป็นผู้นำ “ระบบนำส่งสารสำคัญหรือ Delivery System ระดับโลก” ในอนาคต
สำหรับการอยู่ภายใต้การบ่มเพาะ ของ “ CU Innovation Hub” นายบริภัณฑ์ บอกว่า ทำให้บริษัทสามารถค้นหาความสามารถที่แท้จริงของงานวิจัยว่าจะเข้าสู่ตลาดได้อย่างไร ซึ่งนอกจากการดูความสามารถของเทคโนโลยีแล้วยังมีเรื่องความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ซึ่งสามารถนำผลการวิจัยไปขยายตลาดต่อไปได้
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของแนบโซลูท ได้รับการยอมรับในระดับโลก มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์จำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ในยุโรปและเกาหลี นอกจากนี้บริษัทมีแผนขยายการผลิตเพื่อเข้าสู่ตลาดเครื่องสำอางในระดับสากลมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดขนาดใหญ่ เช่น ประเทศจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีขนาดใหญ่ติดอันดับต้น ๆ ของโลก
“ และด้วยการสนับสนุนจาก บพข. ทำให้บริษัทสามารถขยายตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้ เช่น ประเทศจีน โดย บพข. ได้ให้ทุนในแผนการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์เพื่อไปจำหน่ายในต่างประเทศ (จีน) เป็นทุนที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพ การทดสอบความเป็นพิษในสัตว์ทดลอง ซึ่งการทดสอบต่างๆ เพื่อให้ได้ตามมาตรฐานที่ประเทศจีนกำหนดจะต้องใช้เวลาค่อนข้างมากและใช้งบประมาณสูง ทั้งนี้คาดว่าจะเริ่มเห็นผลทดสอบในการทำมาตรฐานต่าง ๆ ได้ในปลายปี 2568 ซึ่งหากผลิตภัณฑ์ของแนบโซลูทสามารถขายในประเทศจีนได้ จะทำให้บริษัทมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด”
นอกจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ของแนบโซลูทในปัจจุบันที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติมามากมายแล้วนั้น นายบริภัณฑ์ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า บริษัทมีความพร้อมด้านความรู้และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย ประกอบกับทีมนักวิจัยที่เชี่ยวชาญ ทำให้มั่นใจว่าแนบโซลูทจะเป็นสตาร์ทอัพสัญชาติไทยที่พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่มีประสิทธิภาพขึ้นมาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและยาได้เป็นอย่างดี.