รู้จัก “นิวทริโฟล” นวัตกรรมอาหารทดแทนมื้ออาหารจากแรงบันดาลใจสู่การต่อยอดงานวิจัย-ตอบโจทย์สุขภาพรองรับสังคมสูงวัย

Cover Story

               จากผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามที่เคยทำมากว่า 8 ปี แต่ด้วยแรงบันดาลใจจากปัญหาของคนใกล้ตัว กลายเป็น “จุดเปลี่ยน” ให้หันมามุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมอาหารที่มาจากงานวิจัยไทย เพื่อทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านโภชนาการและวิถีชีวิต พร้อมเดินหน้าต่อยอดสู่อาหารทางการแพทย์ในอนาคต

               นายโอมรัตน์ เพ็ญสวัสดิ์   กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอแอนด์พี ควอลิตี้เทรด จำกัดเล่าถึงแรงบันดาลใจที่สร้างแพชชั่น  (Passion) ให้หันมามุ่งเป้าพัฒนานวัตกรรมอาหารทดแทนมื้ออาหาร หรือ Meal Replacement  ว่า เกิดจากคุณพ่อ ซึ่งต้องรับประทานอาหารสำหรับผู้สูงอายุ และมีอาการกลืนลำบาก  เมื่อลองดูตามท้องตลาดแล้วพบว่า แต่ละผลิตภัณฑ์มักจะแก้ปัญหาด้วยการนำอาหารทางการแพทย์หรืออาหารทดแทนมื้ออาหารทั่วไป มาผสมกับผงปรับความข้นหนืดของอาหาร  ซึ่งต้องใช้การชั่งตวงวัดทำให้ค่อนข้างไม่ค่อยสะดวก

               จากปัญหาดังกล่าวทำให้บริษัทได้ติดต่อกับสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล  และนำเอานวัตกรรม  AdaptiveFlow™  มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารทดแทนมื้ออาหารในชื่อว่า “ นิวทริโฟล” (Nutriflow®)  ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2568  โดยผ่านการขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร (แบบ อ.18) จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ครบทั้ง 3 รสชาติ

               “ นิวทริมาจาก Nutrition  ส่วนโฟล  มาจาก Flow การไหลลื่น   ซึ่งหมายถึงการกลืนได้อย่างปลอดภัย  เพราะว่าตัวของงานวิจัยเองมาจาก Texture  Modify Food  คือเป็นอาหารดัดแปลงปรับเนื้อสัมผัส  ที่มีสารอาหารครบ 5 หมู่ในซองเดียว  และสามารถฟื้นฟูภาวะการกลืนได้ภายในซองเดียวเช่นกัน”

               สำหรับการพัฒนาสูตรอาหาร   มี “รศ.ดร. ธัญญรินทร์ วิญญูประดิษฐ์” จากสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นหัวหน้าโครงการ ฯ    ใช้เวลากว่า  2 ปีในการวิจัยและพัฒนา โดยนวัตกรรม AdaptiveFlow™  สามารถปรับความหนืดได้ 4 ระดับตามมาตรฐาน IDDSI เพื่อรองรับผู้ที่มีภาวะกลืนลำบาก

               จุดเด่นของนวัตกรรมอาหารนี้ นอกจากจะไม่ต้องใช้ผงปรับความข้นหนืดของอาหาร  ไม่ต้องใช้นักโภชนาการ เพียงผสมน้ำเปล่าตามคำแนะนำที่อยู่ในฉลากหลังซอง  ก็จะได้ความข้นหนืดตามมาตรฐานโลก มีคุณค่าทางอาหาร ครบทั้งวิตามินและแร่ธาตุในซองเดียว  ซึ่งผ่านการวิเคราะห์โภชนาการ โดยห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรอง และยังมีรสชาติอร่อย สามารถรับประทานได้อย่างเนื่องอีกด้วย

               นายโอมรัตน์  บอกอีกว่า  อาหารทดแทนมื้ออาหารนี้ ไม่ได้ตอบโจทย์แค่สุขภาพ แต่ยังส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว  เนื่องจากส่งเสริมการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ เช่น โปรตีนจากพืช ข้าวกล้องหอมมะลิ น้ำมัน MCT จากมะพร้าว เป็นการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร  ลดการพึ่งพาการนำเข้าผลิตภัณฑ์ Functional Food จากต่างประเทศที่มีมูลค่าสูง  มีการสร้างงานในอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งการเติบโตของอุตสาหกรรม  Functional Food และ Medical Nutrition จะสร้างโอกาสในภาคการผลิต วิจัย การตลาด และจัดจำหน่ายในประเทศไทย

               นอกจากนี้ยังช่วยลดภาระด้านสาธารณสุข เพราะนวัตกรรมอาหารที่ช่วยลดความเสี่ยงจากโรค NCDs จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในระยะยาว  รวมถึงรองรับสังคมสูงวัยที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” (Super-aged Society) ในปี พ.ศ. 2583  คาดว่าจะมีผู้สูงอายุคิดเป็น  32 % ของประชากรทั้งหมด

               สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคต นายโอมรัตน์  บอกว่า   สถาบันโภชนาการ ฯ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์และวิเคราะห์ โภชนาการได้อยู่ระหว่างการผลักดันเรื่อง “การประเมินเชิงคลินิก” ส่วนสถาบันบริการจัดการ เทคโนโลยีและนวัตกรรม   (iNT) ม.มหิดล ได้สนับสนุนแนวทางการแปลงงานวิจัยสู่นวัตกรรมที่ใช้ได้จริงในระบบสุขภาพ โดยอยู่ระหว่างการดำเนินการขอทุนสนับสนุนวิจัยจาก บพข. หรือ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ  กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อต่อยอดวิจัยและพัฒนาสู่นวัตกรรม “อาหารทางการแพทย์”

               เส้นทางของผู้ประกอบการที่นำงานวิจัยมาสู่เชิงพาณิชย์ ไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องมีภาครัฐเข้ามาสนับสนุน   โดยบริษัทโอแอนด์พี  ฯ ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ Piii Program  (Program for Ignite Innovation Driven Enterprise)  ซึ่งเป็นโครงการเร่งรัดธุรกิจนวัตกรรมระดับประเทศที่ริเริ่มโดย บพข. และเครือข่ายความร่วมมือในการบริหารจัดการ อย่างเมืองนวัตกรรมอาหาร หรือ Food Innopolis สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ iNT ม.มหิดล

               “ผมได้รับโอกาสจาก Food Innopolis  ซึ่งเป็น Accelerator  ที่คอยผลักดัน บ่มเพาะและเชื่อมโยงผู้ประกอบการหรือสตาร์ทอัพกับโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ  ที่เป็นประโยชน์ในการส่งเสริมการต่อยอดงานวิจัยไทย ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบภายในประเทศไทย  และส่งเสริมเรื่องของการส่งออก เพื่อทำให้สินค้าไทย วัตถุดิบในไทย มีจุดยืนในเวทีโลก  โดยเฉพาะเรื่องของฟีเจอร์และคุณสมบัติของสินค้า ที่ นิวทริโฟลไม่ได้ด้อยไปกว่าแบรนด์ระดับโลก ”