ประชุมคณะกรรมการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ครั้งที่ 2/2567

News Update

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ทรงเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ   ครั้งที่ 2/2567  

                วังสระปทุม กทม. เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 เวลา 9:00 น .สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเป็นประธานการประชุมประจำปี 2566 ครั้งที่ 2 ของคณะกรรมการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศ ตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี 

               สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริฯ ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2538 และมีพระราชกระแสรับสั่งเปลี่ยนไปเป็นมูลนิธิในปี 2558 ทั้งนี้ เพื่อนำเทคโนโลยีสารสนเทศรวมทั้งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอื่นไปลดความเหลือมล้ำของสังคม โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักประกอบด้วย ผู้ด้อยโอกาสในสังคม 4 กลุ่ม ได้แก่ เด็กนักเรียนในชนบท ผู้พิการ เด็กเจ็บป่วยเรื้อรังในโรงพยาบาล ผู้ต้องขังและเยาวชนใน สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน

               ประชุมประจำปีครั้งที่ 2 นี้ นอกเหนือจากคณะกรรมการและที่ปรึกษามูลนิธิฯ จำนวน 11 คนแล้ว ยังมีทั้ง ผู้บริหารและนักวิจัยไทยเข้าร่วมประชุมทั้งออนไซต์และออนไลน์อีก 67 คนรวมทั้งสิ้น 78 คน  วาระการประชุมมีทั้งสิ้น 6 วาระ (ประกอบด้วยวาระย่อยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 10 วาระ)

               ทั้งนี้มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริฯ ได้รายงานต่อที่ประชุมถึงถึงความก้าวหน้าปี 2566 โดยมีตัวอย่างที่สำคัญ ได้แก่ (1) การนำผลงานวิจัยเครื่องคอมพิวเตอร์ 3 มิติแบบลำรังสีทรงกรวยซึ่งวิจัยพัฒนาและสร้างขึ้นในประเทศไทยเพื่อประโยชน์ใน การวางแผนผ่าตัดคนไข้ปากแหว่งเพดานโหว่ที่ “ศูนย์แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะมูลนิธิเทคโนโลยีสารนเทศ ตามพระราชดำริฯ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่” และ “ศูนย์ตะวันฉาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น”

               (2) การติดตั้งและบำรุงรักษา ระบบผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์และระบบสื่อสารอินเทอร์เน็ตเพื่อการเรียนการสอนแก่โรงเรียน ตชด. ในถิ่นทุรกันดารบริเวณใกล้ชายแดนเมียนมาร์ 23 แห่ง โรงเรียนเหล่านี้ไม่มีระบบไฟฟ้าสายส่งและอินเทอร์เน็ตที่คนในเมืองใหญ่คุ้นเคยเข้าถึงมาก่อนเลยหลายปี จนกระทั่งจนปัจจุบัน

                (3) การจัดหาน้ำบริโภคอุปโภคและการเกษตรสะอาดให้แก่โรงเรียน ตชด.บ้านเทพภูเงิน อำเภอ น้ำโสม จังหวัดอุดรธานีและชุมชนใกล้เคียงที่ประสบปัญหาแหล่งน้ำดิบปนเปื้อนสารเคมีกำจัดวัชพืชตลอดจนการเริ่มก่อสร้าง ถนนและไฟฟ้าสายส่งให้เข้าถึงโรงเรียนและชุมชนอีกด้วย

                (4) การช่วยเหลือคนพิการ 24 คน หลายคนปราศจากแขนขาตั้งแต่ กำเนิดและไม่มีตอแขนที่จะต่อขาเทียมแขนเทียมได้ บางคนพิการรุนแรงปากเปิดไม่ได้ตั้งแต่กำเนิดต้องการแพทย์ที่ชำนาญพิเศษ ช่วยผ่าตัดแก้ไขเปิดปากเพื่อรับประทานอาหารเหมือนคนปกติ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ได้รับศึกษาให้สูงสุดเพื่อออกไป ประกอบอาชีพดูแลตนเองไม่เป็นภาระผู้อื่น  นอกจากนี้ยังช่วยดูแลการทำมาหากินของครอบครัวอีกด้วย

                (5) การเรียนและ ฝึกโปรแกรมมิ่งบนบอร์ดคอมพิวเตอร์ชื่อ Kidbright วิจัยพัฒนาโดยคนไทยให้แก่นักเรียนในโรงเรียนชนบท สามเณรในโรงเรียน ปริยัติธรรม นักเรียนในโรงเรียนอิสลามตลอดจนนักเรียนในโรงเรียนคนพิการเพื่อทำโครงงานสิ่งประดิษฐ์สมองกลฝังตัวเช่น เครื่องเตือนอัคคีภัยน้ำท่วม เตือนภัยในการขับขี่จักรยานเป็นต้น

                (6) การใช้คอมพิวเตอร์สอนควบคู่กับการเล่นเกมให้แก่เด็กป่วย เรื้อรังในโรงพยาบาลไม่ให้เบื่อหน่ายและเมื่อหายป่วยแล้วก็กลับไปเรียนต่อในระบบปกติได้ ปัจจุบันมีผู้ป่วยราว 50,000 คน ในโรงพยาบาล 90 แห่งทั่วประเทศ

                (7) การสอนผู้ต้องขังและเด็กและเยาวชนในเรือนจำ ทัณฑสถาน สถานพินิจและคุ้มครอง เด็กและเยาวชน  ให้มีทักษะด้านคอมพิวเตอร์  เมื่อพ้นโทษแล้วสามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพหรือศึกษาต่อได้  ปัจจุบัน เข้าร่วมโครงการถึง 139 แห่งทั่วประเทศ 

               นอกจากทรงช่วยเหลือพสกนิกรชาวไทยแล้วยังทรงโปรดเกล้าฯ ให้ช่วยเหลือเพื่อนบ้านใกล้เคียงด้านการศึกษา ได้แก่  (8) การติดตั้งและบำรุงรักษาระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ให้แก่สถาบันเทคโนโลยีกำปงสปือ ราชอาณาจักรกัมพูชา  แล  (9) การพระราชทานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พร้อมอาคารและอุปกรณ์ทดลองวิทยาศาสตร์พร้อมอาคารแก่โรงเรียนวัฒนธรรม หลัก 67 สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 

               การทำงานของมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริฯดังกล่าวข้างต้นลุล่วงด้วยดีประชาชนได้รับประโยชน์ตลอด ระยะเวลาเกือบร่วม 30 ปีนั้นก็ด้วยความเลื่อมใสในพระบารมีของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีที่ทรงมีพระเมตตาต่อปวงชนชาวไทยที่ด้อยโอกาสรวมทั้งประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้บรรดาหน่วยงานภาครัฐทั้ง ระดับกระทรวง กรมกอง จังหวัด อำเภอและตำบล รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัยรวมทั้งมูลนิธิทั้งหลาย ต่างร่วมมือร่วมใจให้การสนับสนุนทั้งกำลังกาย กำลังใจ ความรู้สติปัญญาและกำลังทรัพย์ในทุกโครงการของมูลนิธิเทคโนโลยี สารสนเทศตามพระราชดำริฯตลอดมาจนกระทั่งปัจจุบัน